ตอนนี้คุณสามารถเปลี่ยนรูปภาพของคุณให้เป็นวิดีโอความยาว 8 วินาทีด้วย Veo 3 แล้ว
เราเปิดตัว Veo 3 ซึ่งเป็นโมเดลการสร้างวิดีโอที่ล้ำสมัยของเราในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้ขยายการเข้าถึง Veo 3 ให้กับสมาชิก Google AI Pro ในกว่า 150 ประเทศ ด้วยความสามารถใหม่ในการเปลี่ยนรูปภาพให้เป็นวิดีโอใน Gemini ตอนนี้คุณสามารถเปลี่ยนรูปภาพโปรดของคุณให้กลายเป็นวิดีโอคลิปแบบไดนามิกความยาว 8 วินาทีพร้อมเสียงได้แล้ว
ในช่วงเวลากว่า 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้คนได้แสดงความคิดสร้างสรรค์อันน่าทึ่งของพวกเขาผ่านวิดีโอที่สร้างด้วย Veo 3 ทั้งในแอป Gemini และ Flow มากกว่า 40 ล้านวิดีโอ การสร้างรูปภาพและวิดีโอด้วย Gemini ช่วยขยายขอบเขตของจินตนาการและยกระดับความคิดสร้างสรรค์ของผู้คน ตั้งแต่การนำเสนอเทพนิยายในรูปแบบใหม่ผ่านมุมมองของอินฟลูเอนเซอร์ยุคใหม่ ไปจนถึงวิดีโอที่นำเสนอเสียงผ่าลาวาที่เย็นตัวแล้วในสไตล์ ASMR
ทำให้รูปภาพของคุณมีชีวิตชีวาด้วยการแปลงรูปภาพเป็นวิดีโอ
หากคุณต้องการสร้างวิดีโอจากรูปภาพ ให้เลือก ‘Videos’ จากเมนูเครื่องมือในช่องข้อความสำหรับป้อนพรอมต์และอัปโหลดรูปภาพที่ต้องการ จากนั้นให้บรรยายฉากและเสียงที่คุณจินตนาการไว้ เพียงเท่านี้ภาพนิ่งของคุณก็จะเปลี่ยนเป็นวิดีโอแบบไดนามิก คุณสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ด้วยการสร้างภาพเคลื่อนไหวของสิ่งของต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทำให้ภาพวาดของคุณมีชีวิตขึ้นมา หรือเพิ่มการเคลื่อนไหวให้กับฉากธรรมชาติและภาพครอบครัวเก่าๆ ที่คุณรัก เมื่อวิดีโอของคุณเสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณสามารถแตะปุ่มแชร์หรือดาวน์โหลดเพื่อแชร์กับเพื่อนและครอบครัวได้
ความสามารถในการเปลี่ยนรูปภาพให้เป็นวิดีโอจะทยอยให้บริการตั้งแต่วันนี้สำหรับสมาชิก Google AI Pro และ Google AI Ultra ทั่วโลก ลองใช้ได้เลยที่ gemini.google.com ความสามารถเดียวกันนี้ยังพร้อมใช้งานใน Flow ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างภาพยนตร์ด้วย AI ของ Google อีกด้วย
ทำให้รูปภาพของคุณมีชีวิตด้วยการเพิ่มเสียงพูดโดยใช้ Flow
เรามุ่งมั่นที่จะทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถสร้างสรรค์ผลงานด้วย Flow เครื่องมือสร้างภาพยนตร์ด้วย AI ของเรา ดังนั้นในวันนี้ เราจะขยายการให้บริการ Flow และ Google AI Ultra ที่ให้การเข้าถึง AI ที่ดีที่สุดของ Google ด้วยเพดานขีดจำกัดสูงสุด ในอีก 76 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย
ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป คุณสามารถเพิ่มเสียงพูดลงในคลิปวิดีโอของคุณใน Flow ได้โดยใช้ฟีเจอร์ Frames to Video ฟีเจอร์นี้ทำให้คุณสามารถนำรูปภาพของคุณมาใช้เป็นเฟรมเริ่มต้นของคลิปวิดีโอได้ Veo 3 ให้คุณเพิ่มเอฟเฟกต์เสียงและเสียงพื้นหลังลงในคลิปวิดีโอได้แล้ว และตอนนี้คุณยังสามารถสร้างเสียงพูดได้อีกด้วย นอกจากนี้ เรายังจะเปิดตัวฟีเจอร์ Frames to Video ใน Veo 3 Fast ด้วย เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากเครดิตของคุณ
ความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยของเรา
เมื่อคุณใช้เครื่องมือในการสร้างวิดีโอของเรา เราต้องการให้คุณรู้สึกมั่นใจกับผลลัพธ์ที่ได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงได้ดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยที่สำคัญหลายขั้นตอนเพื่อให้การสร้างวิดีโอด้วย AI เป็นไปอย่างเหมาะสม
การดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยของเรารวมไปถึงปฏิบัติการ Red Team ซึ่งเป็นการทดสอบระบบแบบเชิงรุกเพื่อค้นหาและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่ปัญหาเหล่านั้นจะเกิดขึ้นจริง นอกจากนี้ เรายังดำเนินการประเมินอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อทำความเข้าใจว่าเครื่องมือของเราอาจถูกใช้งานอย่างไรและจะป้องกันการใช้งานในทางที่ผิดได้อย่างไร ไม่เพียงเท่านี้ เรายังมีการพัฒนาและบังคับใช้นโยบายเกี่ยวกับเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยด้วย
วิดีโอทั้งหมดที่สร้างด้วย Veo 3 จะมีลายน้ำที่มองเห็นได้เพื่อระบุว่าวิดีโอดังกล่าวสร้างด้วย AI และจะมีการฝัง SynthID ซึ่งเป็นลายน้ำดิจิทัลที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าลงไปด้วย
คุณสามารถให้ความคิดเห็นด้วยการแตะปุ่มชอบหรือไม่ชอบบนวิดีโอที่คุณสร้างขึ้นได้ และเราจะนำความคิดเห็นเหล่านั้นมาปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยและยกระดับประสบการณ์การใช้งานโดยรวมให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
David Sharon
Multimodal Generation Lead, Gemini Apps

เราเปิดตัว Veo 3 ในงาน Google I/O 2025 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และตั้งแต่นั้นมา เราก็ได้เห็นวิดีโอจำนวนนับไม่ถ้วนที่สร้างขึ้นในแอป Gemini กลายเป็นกระแสไวรัลที่สร้างความสุขให้กับผู้คนนับล้าน และแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้ด้วยวิดีโอที่สร้างด้วย AI การสร้างรูปภาพและวิดีโอบน Gemini ช่วยขยายขอบเขตของจินตนาการและยกระดับความคิดสร้างสรรค์ของผู้คน ตั้งแต่การนำเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในรูปแบบใหม่ผ่านมุมมองของอินฟลูเอนเซอร์ยุคใหม่ ไปจนถึงการหั่นแอปเปิ้ลแก้วในสไตล์ ASMR ผลงานสร้างสรรค์อันน่าทึ่งเหล่านี้เป็นแรงขับเคลื่อนให้เราเดินหน้าพัฒนา Veo 3 และทำให้ Veo 3 พร้อมให้บริการแก่ผู้คนทั่วโลกมากขึ้น
วันนี้ เราจะเริ่มทยอยให้บริการ Veo 3 ในทุกประเทศที่มีแอป Gemini พร้อมให้บริการ รวมถึงประเทศไทย โดยสามารถใช้งานได้ผ่านการสมัครใช้บริการแพ็กเกจ Google AI Pro สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอและฟีเจอร์ต่างๆ สำหรับสมาชิก Google AI Pro ได้ที่หน้าการสมัครใช้บริการของเรา
เรายังคงดำเนินการขั้นตอนสำคัญต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการสร้างวิดีโอเป็นประสบการณ์ที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบสำหรับทุกคน ซึ่งรวมถึงการทำงานของ Red Team และการประเมินด้านความปลอดภัยอย่างครอบคลุม ควบคู่ไปกับการพัฒนาและการบังคับใช้นโยบายเกี่ยวกับเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ วิดีโอทั้งหมดที่สร้างจากรูปภาพของคุณจะแสดงลายน้ำที่มองเห็นได้ และจะมีการฝัง SynthID ซึ่งเป็นลายน้ำดิจิทัลที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าลงไปด้วย ซึ่งจะช่วยระบุว่าวิดีโอเหล่านี้สร้างขึ้นโดย AI
เราจะรับฟังความคิดเห็นของคุณจากการแตะชอบ/ไม่ชอบ และปรับปรุงบริการของเราให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นว่าทุกคนจะสร้างกระแสฮิตแบบไวรัลอะไรต่อไปด้วย Gemini

วิดีโอคอมเมิร์ซ (Video Commerce) กำลังเติบโตและมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันวิดีโอคอมเมิร์ซมีสัดส่วนมูลค่าสินค้ารวม (Gross Merchandise Value หรือ GMV) คิดเป็น 20% ของภาคอีคอมเมิร์ซทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ YouTube ก็กลายเป็นแพลตฟอร์มหลักของวิดีโอคอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้
เพื่อสนับสนุนการเติบโตนี้ YouTube ประเทศไทย ได้จัดงาน YouTube Shopping Beauty Accelerator Event โดยมีครีเอเตอร์ที่ทำคอนเทนต์ความงามและการดูแลตัวเองมาร่วมแบ่งปันเคล็ดลับและสร้างแรงบันดาลใจให้ครีเอเตอร์คนอื่นๆ เข้าร่วมโปรแกรมแอฟฟิลิเอต YouTube Shopping ที่ช่วยให้ครีเอเตอร์ติดแท็กผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในวิดีโอของตนเองเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้และสร้างความสัมพันธ์กับผู้ชมให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น
YouTube Shopping ช่วยส่งเสริมการเติบโตของครีเอเตอร์และแบรนด์
YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์ได้แสดงไอเดียและถ่ายทอดแพชชั่นให้กับผู้ชม พร้อมกับการสร้างรายได้และต่อยอดสู่อาชีพอย่างยั่งยืนผ่านหลากหลายช่องทาง รวมถึงโปรแกรมแอฟฟิลิเอต YouTube Shopping
YouTube ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มสำหรับความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งข้อมูล ข่าวสาร และยังเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างความน่าเชื่อถือในเรื่องของผลิตภัณฑ์ให้กับแบรนด์ต่างๆ อีกด้วย จากผลสำรวจของ Kantar พบว่า 85% ของผู้ชมในไทยเห็นด้วยว่าคอนเทนต์จากครีเอเตอร์บน YouTube มีความน่าเชื่อถือมากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ (81%)* นอกจากนี้ จากข้อมูลของ YouTube ยังพบว่า ผู้คนทั่วโลกใช้เวลากว่า 3 หมื่นล้านชั่วโมงในการรับชมวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการช็อปปิ้งบน YouTube**
ด้วยเหตุนี้ YouTube จึงได้ร่วมมือกับ Shopee ในการเปิดตัวโปรแกรมแอฟฟิลิเอต YouTube Shopping ในไทย เพื่อช่วยให้กับครีเอเตอร์สร้างความสัมพันธ์กับผู้ชมได้อย่างเหนียวแน่นยิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังช่วยยกระดับประสบการณ์การช็อปปิ้ง ช่วยเชื่อมโยงเส้นทางของผู้บริโภค ตั้งแต่การค้นหาไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ
ตัวอย่างครีเอเตอร์ที่ประสบความสำเร็จจากการเข้าร่วมโปรแกรมแอฟฟิลิเอต YouTube Shopping
หนึ่งในเทรนด์ของคอนเทนต์ที่มาแรงบน YouTube คือเทรนด์เรื่องการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย หน้าตา เสื้อผ้า ผม หรือสุขภาพจิตใจ

อาชิตา ศิริภิญญานนท์ ช่อง Archita Station หนึ่งในบิวตี้บล็อกเกอร์และครีเอเตอร์ผู้ทรงอิทธิผลของไทย ด้วยยอดผู้ติดตามมากถึง 1.49 ล้านคน เป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกคอนเทนต์ด้านความงามที่โดดเด่นด้วยรีวิวอย่างตรงไปตรงมา ลึกซึ้ง และน่าเชื่อถือ อาชิตาได้ติดแท็กผลิตภัณฑ์ในวิดีโอเฉลี่ยเดือนละ 17 วิดีโอ โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ต่างๆ และผลิตภัณฑ์จากแบรนด์เครื่องสำอางของอาชิตาเองด้วย โดยตั้งแต่ที่อาชิตาเข้าร่วมโปรแกรมแอฟฟิลิเอต YouTube Shopping ยอดขายรวมก็พุ่งสูงขึ้นกว่า 10 เท่าในช่วงแคมเปญ ด้วยกลยุทธ์การรีวิวที่น่าสนใจและสอดคล้องกับแคมเปญของ Shopee โดยเฉพาะการนำเสนอ “ดีลพิเศษแบบจำกัดเวลา” ที่น่าดึงดูด
ชยธร กิติยาดิศัย ช่อง ingck ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 7 แสนคน นำเสนอคอนเทนต์ด้วยการรีวิวสินค้าหลากหลายประเภท โดยพูดถึงทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างตรงไปตรงมา หลังจากที่โปรแกรมแอฟฟิลิเอต YouTube Shopping เปิดตัว ชยธรก็ได้ปรับกลยุทธ์โดยการเน้นแท็กคำแนะนำสินค้าโดยตรงไปยังหน้าสินค้าบน Shopee พร้อมทั้งขยายหมวดหมู่สินค้า การแท็กสินค้าในวิดีโอช่วยให้ชยธรเพิ่มยอดคลิกและยอดขายได้มากขึ้น
ภัฎฎารินธ์ อิงคุลานนท์ ช่อง ตู้ซ่อนหมี เน้นคอนเทนต์แนววาไรตี้ที่เต็มไปด้วยด้วยสีสันและพลังบวกด้วยรูปแบบรายการที่หลากหลาย ทั้งเกมโชว์ การตอบคำถามทายใจ ทายเพลง ทายภาพคนดัง หรือชาร์เลนจ์สนุกๆ ความโดดเด่นของช่อง “ตู้ซ่อนหมี” ไม่ใช่แค่การมอบความบันเทิงให้กับผู้ชมเท่านั้น แต่ยังสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้ชมได้รักตัวเองมากขึ้นกับแนวคิด “ความสุขเริ่มต้นจากภายใน” ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตแล้วยังสะท้อนออกมาสู่การดูแลตัวเองภายนอกด้วย นอกจากนี้ การเชื่อมโยงอย่างจริงใจระหว่างช่องและผู้ชมคือจุดแข็งสำคัญที่ทำให้เมื่อมีการแนะนำผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ต่างๆ ผู้ชมจึงรู้สึกถึงความจริงใจ ไม่ใช่แค่การขาย แต่คือการแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่กัน
กลยุทธ์ของทั้ง 3 ช่องไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดรับชมและรายได้เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมที่สนใจผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว รวมถึงดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การตัดสินใจซื้อที่รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ครีเอเตอร์สายอื่นๆ ก็สามารถวางกลยุทธ์และเข้าร่วมโปรแกรมแอฟฟิลิเอต YouTube Shopping ได้เช่นกัน โดยเน้นที่การเลือกผลิตภัณฑ์และผสานแอฟฟิลิเอตอย่างกลมกลืนโดยไม่ละทิ้งเอกลักษณ์ของช่อง
*Google/Kantar, WhyVideo, n=1041 YouTube viewers, n=2222 weekly video viewers 18-64 (TH), fielded from (3/26/24-4/15/24)
**YouTube Internal Data, Global, 2023
ขอแนะนำ Veo 3, Imagen 4 และเครื่องมือใหม่สำหรับการสร้างภาพยนตร์ที่ชื่อว่า Flow
วันนี้เราขอประกาศเปิดตัวโมเดล Generative AI ใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการสร้างสื่อ โมเดลเหล่านี้สร้างภาพ วิดีโอ และเสียงเพลงได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งช่วยให้ศิลปินสามารถทำให้แนวคิดสร้างสรรค์เป็นจริงได้ นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคนในการแสดงออกอีกด้วย
Veo 3 และ Imagen 4 ซึ่งเป็นโมเดลการสร้างวิดีโอและรูปภาพใหม่ล่าสุดของเราได้ขยายขอบเขตการสร้างสื่อด้วยความสามารถใหม่ๆ ที่ล้ำสมัย นอกจากนี้ เรายังขยายสิทธิ์เข้าถึง Lyria 2 เพื่อให้นักดนตรีมีเครื่องมือเพิ่มเติมสำหรับแต่งเพลง และขอเชิญชวนผู้ที่ชอบเล่าเรื่องด้วยภาพมาลองใช้ Flow ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างภาพยนตร์ด้วย AI ใหม่ของเรา โดย Flow ใช้โมเดลที่ดีที่สุดของ Google DeepMind ให้คุณสร้างภาพยนตร์ได้อย่างง่ายดายด้วยการควบคุมตัวละคร ฉาก และสไตล์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เพื่อให้เรื่องราวของคุณมีชีวิตชีวา
เราได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมครีเอทีฟ ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ นักดนตรี ศิลปิน หรือครีเอเตอร์ YouTube เพื่อช่วยให้สร้างโมเดลและผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบ รวมถึงมอบเครื่องมือใหม่ๆ ให้แก่ครีเอเตอร์เพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ AI ในผลงานศิลปะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สร้างวิดีโอที่มีเสียงด้วย Veo 3
Veo 3 ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกด้าน ตั้งแต่การเขียนพรอมต์แบบข้อความและรูปภาพไปจนถึงฟิสิกส์ในชีวิตจริงและการซิงค์ปากที่แม่นยำ โมเดลนี้เข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม คุณสามารถเล่าเรื่องราวสั้นๆ ลงในพรอมต์ แล้วโมเดลก็จะสร้างคลิปที่ถ่ายทอดเรื่องราวนั้นออกมาให้ Veo 3 พร้อมให้บริการแก่สมาชิก Google AI Ultra ในสหรัฐอเมริกาแล้ววันนี้ในแอป Gemini และใน Flow นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการแก่ผู้ใช้ระดับองค์กรใน Vertex AI ด้วย
Veo 2: ความสามารถใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นร่วมกับผู้สร้างภาพยนตร์และเพื่อผู้สร้างภาพยนตร์
ขณะพัฒนา Veo 3 เราก็ได้เพิ่มความสามารถใหม่ๆ ให้กับ Veo 2 โมเดลการสร้างวิดีโอรุ่นยอดนิยมของเราด้วย โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับจากการร่วมงานกับครีเอเตอร์และผู้สร้างภาพยนตร์ วันนี้ เราจะเปิดตัวความสามารถใหม่ๆ ของ Veo 2 หลายรายการ ซึ่งรวมถึงรายการต่อไปนี้
- ความสามารถของวิดีโอที่ทำงานด้วยระบบอ้างอิงสุดล้ำสมัย ช่วยให้คุณสามารถให้ Veo แสดงภาพตัวละคร ฉาก วัตถุ และแม้แต่รูปแบบต่างๆ เพื่อควบคุมการสร้างสรรค์และสร้างความสอดคล้องกันให้ดียิ่งขึ้น
- การควบคุมกล้องช่วยให้คุณกำหนดการเคลื่อนไหวของกล้องได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการหมุน การเลื่อน และซูม เพื่อให้ได้ช็อตที่สมบูรณ์แบบ
- การขยายขอบเขตการแสดงผลช่วยให้คุณขยายเฟรมได้ ซึ่งจะเปลี่ยนวิดีโอจากแนวตั้งให้เป็นแนวนอนและปรับให้พอดีกับหน้าจอทุกขนาดได้ง่ายๆ เพิ่มความสวยงามให้กับฉากได้อย่างชาญฉลาด
- การเพิ่มและนำวัตถุออกทำให้คุณสามารถเพิ่มหรือลบวัตถุออกจากวิดีโอได้ Veo เข้าใจเรื่องขนาด การโต้ตอบ และแสงเงา และใช้ความเข้าใจนี้เพื่อสร้างฉากที่ดูเป็นธรรมชาติสมจริง
วิดีโอที่ทำงานด้วยระบบอ้างอิงและการควบคุมกล้องพร้อมใช้งานแล้วใน Flow นอกจากนี้เราจะนำความสามารถใหม่ๆ ทั้งหมดนี้เข้าไปไว้ใน Vertex AI API ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ และจะขยายบริการไปยังผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มเติมอีกในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
วิดีโอต้นฉบับ
วิดีโอที่ขยายขอบเขตการแสดงผล
วิดีโอต้นฉบับ
วิดีโอที่นำเอายานอวกาศออก
Flow: เครื่องมือสร้างภาพยนตร์ด้วย AI ที่ออกแบบมาสำหรับ Veo
Flow เป็นเครื่องมือสร้างภาพยนตร์ด้วย AI ที่สร้างขึ้นร่วมกับครีเอทีฟและเพื่อครีเอทีฟ โดยเป็นเครื่องมือที่ให้คุณสร้างคลิปที่มีสไตล์แบบภาพยนตร์ ฉาก และเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างราบรื่นด้วยการรวมโมเดลที่ล้ำสมัยที่สุดของ Google DeepMind ไว้ด้วยกัน ได้แก่ Veo, Imagen และ Gemini เพียงใช้ภาษาพูดทั่วไปเพื่ออธิบายช็อตที่คุณต้องการเพื่อให้ Flow จัดการองค์ประกอบต่างๆ ของเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง สถานที่ วัตถุ และสไตล์ ให้ครบจบในที่เดียว และใช้ Flow เพื่อถักทอการเล่าเรื่องให้กลายเป็นฉากที่สวยงาม
Flow พร้อมให้บริการแล้ววันนี้สำหรับผู้สมัครใช้บริการแพ็กเกจ Google AI Pro และ Ultra ในสหรัฐอเมริกา โดยจะมีให้บริการในประเทศอื่นๆ ในเร็วๆ นี้
Imagen 4: คุณภาพที่น่าทึ่งและการออกแบบตัวอักษรที่เหนือชั้น
โมเดล Imagen ล่าสุดของเราผสานความเร็วกับความแม่นยำเข้าด้วยกันเพื่อสร้างรูปภาพอันน่าทึ่ง Imagen 4 มีความคมชัดที่โดดเด่นในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ผ้าที่มีลวดลายซับซ้อน หยดน้ำ และขนสัตว์ ทั้งยังทำได้ดีทั้งสไตล์นามธรรมและสมจริง Imagen 4 สามารถสร้างรูปภาพในอัตราส่วนต่างๆ และความละเอียดสูงสุด 2K ซึ่งเหมาะสำหรับการพิมพ์หรืองานนำเสนอมากยิ่งขึ้น เครื่องมือนี้ยังช่วยเรื่องตัวสะกดและการออกแบบตัวอักษรได้ดีขึ้น ทำให้คุณสามารถสร้างการ์ดอวยพร โปสเตอร์ หรือแม้แต่การ์ตูนได้ง่ายขึ้น
และในเร็วๆ นี้ เราจะเปิดตัว Imagen 4 เวอร์ชันที่ทำงานเร็วกว่า Imagen 3 ถึง 10 เท่า ซึ่งจะช่วยให้คุณสำรวจแนวคิดต่างๆ ได้เร็วขึ้น
Lyria 2: การสร้างสรรค์ทางดนตรีที่ทรงพลังและการสำรวจที่ไม่รู้จบ
ในเดือนเมษายน เราได้ขยายสิทธิ์เข้าถึง Music AI Sandbox ซึ่งขับเคลื่อนโดย Lyria 2 Music AI Sandbox มอบชุดเครื่องมือเวอร์ชันทดลองสำหรับนักดนตรี โปรดิวเซอร์ และนักแต่งเพลง ซึ่งสามารถจุดประกายความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์และช่วยให้ศิลปินสำรวจแนวคิดทางดนตรีที่ไม่เหมือนใคร ความรู้ความชำนาญและความคิดเห็นที่มีค่าจากอุตสาหกรรมดนตรีช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเครื่องมือของเราจะช่วยส่งเสริมครีเอเตอร์ ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ครีเอทีฟได้ตระหนักถึงความเป็นไปได้ของการนำ AI มาใช้ในงานศิลปะของตน
Lyria 2 มาพร้อมการสร้างสรรค์ทางดนตรีที่ทรงพลังและการสำรวจที่ไม่รู้จบ ซึ่งตอนนี้พร้อมใช้งานสำหรับครีเอเตอร์ผ่าน YouTube Shorts และสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กรใน Vertex AI นอกจากนี้เรายังได้สร้าง Lyria RealTime ซึ่งเป็นโมเดลการสร้างเพลงแบบอินเทอร์แอกทีฟที่ขับเคลื่อน MusicFX DJ โดยโมเดลนี้พร้อมใช้งานผ่าน API และใน AI Studio Lyria RealTime ช่วยให้ทุกคนสามารถโต้ตอบ สร้างสรรค์ ควบคุม และแสดงดนตรีที่สร้างสรรค์ด้วย Generative AI ได้แบบเรียลไทม์
การสร้างสรรค์และการร่วมมือกันอย่างมีความรับผิดชอบกับชุมชนครีเอทีฟ
นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2023 SynthID ได้ใส่ลายน้ำในรูปภาพ วิดีโอ ไฟล์เสียง และข้อความกว่า 1 หมื่นล้านรายการ ซึ่งช่วยให้สามารถระบุได้ว่าเนื้อหาดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ AI สร้างขึ้น และลดโอกาสในการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและการระบุแหล่งที่มาที่ไม่ถูกต้อง โดยเนื้อหาที่สร้างขึ้นด้วย Veo 3, Imagen 4 และ Lyria 2 จะยังคงมีลายน้ำ SynthID
ในวันนี้ เราจะเปิดตัว SynthID Detector ซึ่งเป็นพอร์ทัลการยืนยันที่จะช่วยให้ผู้คนระบุเนื้อหาที่ AI สร้างขึ้นได้ เมื่ออัปโหลดเนื้อหา SynthID Detector จะระบุว่าไฟล์ทั้งหมดหรือเนื้อหาเพียงบางส่วนมี SynthID อยู่หรือไม่
เรามุ่งมั่นที่จะให้โมเดล Generative AI ทั้งหมดที่มีอยู่ของเราช่วยปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์และช่วยให้ศิลปินและครีเอเตอร์นำไอเดียของตนมาสร้างสรรค์เป็นชิ้นงานได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายกว่าที่เคย
Eli Collins
VP, Google DeepMind

ถึงเวลาแล้วที่คุณจะได้สร้างสรรค์ เรียนรู้ และสำรวจสิ่งต่างๆ ด้วยผู้ช่วย AI ที่เริ่มเข้าใจโลกของคุณและคาดการณ์ความต้องการของคุณได้
เนื่องจากแอป Gemini ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ในวันนี้ เราจึงจะเปิดตัวความสามารถใหม่ๆ ที่จะช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น
ต่อไปนี้คือสิ่งที่เราได้ประกาศในงาน Google I/O
ลองใช้ Gemini ได้ที่ gemini.google.com
เห็นแล้วตอบเลย: ตอนนี้ฟีเจอร์การแชร์กล้องและหน้าจอของ Gemini Live พร้อมใช้งานฟรีแล้วบน Android และ iOS
เคยไหมที่อยากจะสื่อถึงสิ่งที่คุณต้องการโดยไม่ต้องพิมพ์ออกมาทั้งหมด หรือรับความช่วยเหลือแบบเห็นภาพได้แบบเรียลไทม์จากโทรศัพท์ของคุณสำหรับงานที่ต้องอาศัยทักษะเฉพาะทาง คุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ด้วย Gemini Live
ผู้คนต่างชื่นชอบ Gemini Live โดยเฉลี่ยแล้วการสนทนากับ Gemini นั้นยาวกว่าการสนทนาแบบข้อความถึง 5 เท่า เนื่องจากสามารถใช้วิธีใหม่ๆ ในการขอความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือรับคำแนะนำในการช็อปปิ้งที่ตรงใจ
ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะเปิดให้ทุกคนใน Android และ iOS ใช้ Gemini Live พร้อมฟีเจอร์การแชร์กล้องและหน้าจอได้ฟรี*
ในอีกไม่กี่สัปดาห์ Gemini Live จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคุณมากยิ่งขึ้น หากต้องการวางแผนเที่ยวยามค่ำคืนกับเพื่อนๆ เพียงพูดคุยรายละเอียดกับ Gemini Live จากนั้น Gemini Live จะสร้างกิจกรรมลงใน Google Calendar ของคุณทันที หรือหากรู้สึกอยากทานพิซซ่าสไตล์ชิคาโก คุณสามารถถาม Gemini Live และรับรายละเอียดจาก Google Maps ได้ เรากำลังผสานรวมกับ Google Maps, Calendar, Tasks และ Keep โดยวางแผนที่จะเชื่อมต่อระบบนิเวศของ Google ให้มากขึ้น คุณสามารถจัดการการเชื่อมต่อกับแอปเหล่านี้และข้อมูลของคุณได้ทุกเมื่อในการตั้งค่าของแอป
สร้างรูปภาพและวิดีโอที่สวยงามน่าทึ่งด้วย Imagen 4 และ Veo 3
แอป Gemini ช่วยเปลี่ยนไอเดียให้เป็นรูปภาพและวิดีโอที่น่าทึ่งได้ง่ายๆ
ไม่ว่าคุณจะออกแบบงานนำเสนอที่ดูเป็นมืออาชีพ สร้างสรรค์ภาพกราฟิกสำหรับโซเชียลมีเดีย หรือออกแบบคำเชิญเข้าร่วมงาน Imagen 4 สามารถสร้างรูปภาพที่โดดเด่นด้วยรายละเอียดที่สมจริง รวมถึงเอาต์พุตข้อความและแบบอักษรที่ดีขึ้น ทุกคนสามารถลองใช้ Imagen 4 ในแอป Gemini ได้แล้ววันนี้**
เมื่อพูดถึงการทำให้ไอเดียของคุณเป็นจริง Veo 3 นั้นมีความสามารถที่เหนือชั้นกว่าใคร ซึ่งไม่เพียงสร้างฉากวิดีโอเท่านั้น แต่ยังสร้างเสียงความวุ่นวายในเมือง เสียงใบไม้ไหวเบาๆ หรือแม้แต่บทสนทนาของตัวละครได้ด้วย โดยทั้งหมดนี้ทำได้จากพรอมต์ข้อความง่ายๆ Veo 3 ทำสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยฟีเจอร์การสร้างเสียงแบบเนทีฟ ซึ่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่สมจริงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยพร้อมให้บริการแล้ววันนี้ในแอป Gemini สำหรับสมาชิก Google AI Ultra ในสหรัฐอเมริกา
รับข้อมูลเชิงลึกที่ละเอียดยิ่งขึ้น: เพิ่มแหล่งข้อมูลของคุณเองลงใน Deep Research
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณจะได้รับรายงาน Deep Research ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมและสามารถปรับแต่งในแบบที่คุณต้องการได้ โดยจะรวมข้อมูลสาธารณะเข้ากับไฟล์ PDF และรูปภาพส่วนตัวของคุณเอง ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้ทำความเข้าใจแบบองค์รวม โดยการอ้างอิงความรู้เฉพาะตัวของคุณกับเทรนด์ในวงกว้างได้ทั้งหมดในที่เดียว ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและเผยให้เห็นความเชื่อมโยงของข้อมูลความรู้ที่คุณอาจมองข้ามไป
ตัวอย่างเช่น นักวิจัยตลาดสามารถอัปโหลดตัวเลขยอดขายภายใน (ในรูปแบบ PDF) เพื่อเทียบเคียงกับเทรนด์ตลาดสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้ใน Deep Research หรือนักวิชาการสามารถดึงบทความในวารสารที่เฉพาะเจาะจงและหายากเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับการทบทวนวรรณกรรม และในเร็วๆ นี้ เรจะผสานรวมฟีเจอร์นี้เข้ากับ Google Drive และ Gmail เพื่อให้คุณสามารถดึงข้อมูลจากที่นั่นได้อย่างง่ายดาย
สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ด้วย Canvas
Canvas คือพื้นที่สร้างสรรค์ภายในแอป Gemini สำหรับสร้างสิ่งต่างๆ ตามที่คุณอธิบาย
ตอนนี้ Canvas ใช้งานง่ายและทรงพลังมากยิ่งขึ้นด้วยโมเดล Gemini 2.5 คุณสามารถสร้างอินโฟกราฟิกแบบอินเทอร์แอกทีฟ แบบทดสอบ และแม้แต่ภาพรวมแบบเสียง (Audio Overview) ในสไตล์พอดแคสต์ได้ใน 45 ภาษา แต่ความมหัศจรรย์ของ Gemini 2.5 Pro คือความสามารถในการแปลแนวคิดที่ซับซ้อนให้เป็นโค้ดที่ใช้งานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำอย่างน่าเหลือเชื่อ ผู้คนสร้างแอปพลิเคชันทั้งแอปขึ้นได้อย่างรวดเร็วจากคำอธิบายง่ายๆ การเขียนโค้ดแบบ Vibe Coding ช่วยลดอุปสรรคในการสร้างซอฟต์แวร์และทำให้เราสร้างต้นแบบของไอเดียใหม่ๆ ได้เร็วกว่าที่เคย
ลองใช้ Gemini ใน Google Chrome
ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป Gemini ใน Google Chrome จะเริ่มเปิดตัวให้ใช้งานบนเดสก์ท็อปสำหรับผู้ที่สมัครใช้บริการ Google AI Pro และ Google AI Ultra ในสหรัฐอเมริกาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาของ Google Chrome บน Windows และ macOS โดยเวอร์ชันแรกนี้คุณสามารถขอให้ Gemini อธิบายข้อมูลที่ซับซ้อนในหน้าเว็บที่คุณกำลังอ่านหรือสรุปข้อมูลให้ได้อย่างง่ายดาย ในอนาคต Gemini จะสามารถทำงานในหลายแท็บและไปยังส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์แทนคุณ
ลองใช้แบบทดสอบแบบอินเทอร์แอกทีฟได้เลย
หากเบื่อกับการต้องอ่านโน้ตซ้ำๆ Gemini จะช่วยเปลี่ยนวิธีการเรียนของคุณด้วยการเปิดตัวแบบทดสอบแบบอินเทอร์แอกทีฟที่ออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้ที่สนุกสนานมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น เพียงขอให้ Gemini “สร้างแบบฝึกหัดเกี่ยวกับอุณหพลศาสตร์” จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ปรับให้เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ ขณะที่คุณตอบคำถาม Gemini จะให้ความคิดเห็นทันที โดยไฮไลต์หัวข้อที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ
เมื่อคุณทำแบบทดสอบเสร็จแล้ว Gemini จะเสนอแบบทดสอบติดตามผลที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณโดยอัตโนมัติ โดยเน้นไปที่หัวข้อที่คุณพบว่ายากเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้คุณเปลี่ยนจุดอ่อนให้กลายเป็นจุดแข็งได้ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ผู้ใช้ Gemini ทั่วโลกใช้งานบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้แล้ววันนี้
นอกจากนี้ นักศึกษาในสหรัฐอเมริกา บราซิล อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร ยังมีสิทธิ์รับการอัปเกรด Gemini ฟรีได้ตลอดทั้งปีการศึกษา โดยจะขยายสิทธิ์ไปยังประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในเร็วๆ นี้
ขอแนะนำแพ็กเกจ Google AI Pro และ Google AI Ultra
แพ็กเกจ Google Al Pro ให้คุณเข้าถึงชุดเครื่องมือ Al ในราคา $19.99/เดือน โดยแพ็คเกจนี้จะยกระดับประสบการณ์ในการใช้แอป Gemini ของคุณขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งมาแทนที่และขยายขอบเขตความสามารถของ Gemini Advanced นอกจากนี้ยังรวมผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Flow, NotebookLM และอื่นๆ อีกมากมาย โดยทั้งหมดนี้จะมีฟีเจอร์พิเศษและขีดจำกัดอัตราที่สูงกว่าเดิม
ในส่วนของแพ็กเกจ Google AI Ultra คุณจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงโมเดลที่ทรงพลังที่สุดของเราด้วยขีดจำกัดอัตราสูงสุด และสิทธิ์เข้าถึงผลิตภัณฑ์ AI เวอร์ชันทดลองที่น่าตื่นเต้นที่สุดของเราก่อนใคร แพ็กเกจนี้เปรียบเสมือนบัตร VIP ของคุณในการเข้าถึง AI ของ Google
ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ใช้แอป Gemini เป็นประจำจะได้รับแพ็กเกจสูงสุดที่มาพร้อมประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ Gemini Ultra ซึ่งมีฟีเจอร์พิเศษและสิทธิ์เข้าถึงโมเดลที่ดีที่สุดก่อนใคร รวมถึง Veo3 และโหมด Deep Think ของ Gemini 2.5 Pro ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต
นอกจากนี้ หากคุณอัปเกรดเป็นแพ็กเกจ Google AI Ultra คุณยังจะได้รับสิทธิ์ทดลองใช้ Agent Mode ก่อนใคร ซึ่งเป็นความสามารถใหม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการทดลอง และจะให้บริการบนเดสก์ท็อปในเร็วๆ นี้ ลองนึกภาพดูว่า แค่ระบุวัตถุประสงค์ของคุณ แล้ว Gemini จะจัดเตรียมขั้นตอนต่างๆ ให้คุณบรรลุวัตถุประสงค์นั้นได้อย่างชาญฉลาด Agent Mode รวมฟีเจอร์ขั้นสูงไว้อย่างลงตัว เช่น การท่องเว็บแบบเรียลไทม์ การค้นคว้าเชิงลึก และการผสานรวมอย่างชาญฉลาดกับแอปต่างๆ ของ Google ซึ่งช่วยให้จัดการงานที่ซับซ้อนหลายขั้นตอนได้ตั้งแต่ต้นจนจบโดยที่คุณไม่ต้องคอยตรวจสอบมากนัก
ขณะนี้ แพ็กเกจ Google AI Ultra มีให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกา โดยจะเปิดให้บริการในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ โดยแพ็กเกจราคา $249.99/เดือน มาพร้อมข้อเสนอส่วนลด 50% สำหรับ 3 เดือนแรกให้กับผู้ใช้รายใหม่
การอัปเดตทั้งหมดนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ของเรา นั่นคือการทำให้ Gemini เป็นผู้ช่วย AI ที่ทรงพลังและสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของผู้ใช้ได้มากที่สุด เรารู้สึกตื่นเต้นและอยากเห็นสิ่งที่คุณสร้างสรรค์ด้วย Gemini แล้ว
Josh Woodward
VP, Google Labs & Google Gemini
*การรองรับการใช้งานและความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไป พร้อมให้บริการเฉพาะสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เริ่มเปิดให้ใช้งานใน iOS ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคมเป็นต้นไป
**พร้อมให้บริการเฉพาะสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป

เรากำลังขยายความสามารถของ Gemini ให้กลายเป็นโมเดลสากลที่สามารถวางแผนและจินตนาการถึงประสบการณ์ใหม่ๆ โดยการจำลองแง่มุมต่างๆ ของโลก
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เราได้วางรากฐานมากมายสำหรับ AI ที่ทันสมัย ตั้งแต่การบุกเบิกสถาปัตยกรรม Transformer ซึ่งเป็นพื้นฐานของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ทั้งหมด ไปจนถึงการพัฒนา Agentic AI ที่สามารถเรียนรู้และวางแผนได้อย่าง AlphaGo และ AlphaZero
เราได้นำเทคนิคเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการสร้างความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการประมวลผลแบบควอนตัม (Quantum Computing) คณิตศาสตร์ ชีววิทยาศาสตร์ และการค้นพบอัลกอริทึม และเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนางานวิจัยพื้นฐานให้ครอบคลุมและลึกขึ้นเรื่อยๆ เพื่อคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จำเป็นสำหรับการต่อยอดไปสู่ยุคของ AGI (Artificial General Intelligence)
ด้วยเหตุนี้ เราจึงกำลังขยายความสามารถของโมเดลพื้นฐานแบบมัลติโมดัลที่ดีที่สุดของเราอย่าง Gemini 2.5 Pro ให้กลายเป็น “โมเดลสากล” ที่สามารถวางแผนและจินตนาการถึงประสบการณ์ใหม่ๆ โดยทำความเข้าใจและจำลองแง่มุมต่างๆ ของโลก เช่นเดียวกับที่สมองมนุษย์ทำ
เราได้สร้างความก้าวหน้าในด้านนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่การพัฒนา AI Agent ฝึกหัดรุ่นบุกเบิกไปจนถึง AI ที่สามารถเล่นเกมที่มีความซับซ้อนอย่าง Go และ StarCraft ไปจนถึง Genie 2 ซึ่งสามารถสร้างสภาพแวดล้อมจำลองแบบ 3 มิติที่คุณสามารถโต้ตอบได้โดยใช้พรอมต์รูปภาพเพียงรายการเดียว
ในปัจจุบัน เราสามารถเห็นหลักฐานของความสามารถเหล่านี้ได้จากการที่ Gemini ใช้ความรู้ทั่วไปและการให้เหตุผลเพื่อแสดงและจำลองสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ การที่ Veo เข้าใจกลไกฟิสิกส์โดยสัญชาตญาณอย่างลึกซึ้ง และวิธีที่ Gemini Robotics สอนหุ่นยนต์ให้เข้าใจ ปฏิบัติตามคำสั่ง และปรับการทำงานได้ทันที
การทำ Gemini ให้เป็นโมเดลสากลถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา AI รูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมและมีประโยชน์มากขึ้น ซึ่งก็คือผู้ช่วย AI สากลนั่นเอง นี่เป็น AI อัจฉริยะที่เข้าใจบริบทของคุณในขณะนั้น และสามารถวางแผนและทำสิ่งต่างๆ แทนคุณผ่านอุปกรณ์ใดก็ได้
การนำความสามารถในการประมวลผลแบบเรียลไทม์ของ Project Astra มาไว้ในผลิตภัณฑ์ของเรา
วิสัยทัศน์สูงสุดของเราคือการพลิกโฉมแอป Gemini ให้กลายเป็นผู้ช่วย AI สากลที่จะมาช่วยเราทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ดูแลงานธุรการทั่วๆ ไป และให้คำแนะนำใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ทำให้เรามีประสิทธิผลมากขึ้น และทำให้ชีวิตเราดีขึ้น
โดยเริ่มต้นจากความสามารถที่เราได้เริ่มทดลองในโปรเจ็กต์วิจัยต้นแบบอย่าง Project Astra เช่น การเข้าใจวิดีโอ การแชร์หน้าจอ และการจดจำสิ่งต่างๆ
ในช่วงปีที่ผ่านมา เราได้ผสานรวมความสามารถเหล่านี้เข้ากับ Gemini Live เพื่อให้ผู้คนมากขึ้นได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งาน เรายังคงพัฒนาและสำรวจนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น เราได้อัปเกรดเอาต์พุตเสียงให้เป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วยเสียงแบบเนทีฟ พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำ และเพิ่มการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์
เราได้เริ่มรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ทดสอบที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับความสามารถเหล่านี้ และกำลังพัฒนาความสามารถต่างๆ เหล่านี้ให้สามารถใช้งานได้ใน Gemini Live และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Google Search, Live API สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ตลอดจนรูปแบบอุปกรณ์ใหม่ๆ เช่น แว่นตา
ความปลอดภัยและความรับผิดชอบเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานของเราในทุกขั้นตอนของกระบวนการนี้ เมื่อไม่นานนี้ เราได้ดำเนินโครงการวิจัยขนาดใหญ่เพื่อสำรวจประเด็นทางจริยธรรมเกี่ยวกับผู้ช่วย AI ขั้นสูง และงานวิจัยนี้ยังคงเป็นข้อมูลสำคัญในการวิจัย การพัฒนา และการนำระบบไปใช้
การสร้าง AI ที่สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันแทนคุณ
นอกจากนี้ เรายังศึกษาว่าความสามารถของ Agentic AI จะช่วยผู้คนทํางานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างไรด้วย Project Mariner ซึ่งเป็นต้นแบบการวิจัยที่สำรวจอนาคตของการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ Agentic AI โดยเริ่มจากเบราว์เซอร์
นับตั้งแต่เปิดตัว Project Mariner เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เราได้ทำงานร่วมกับกลุ่มผู้ทดสอบที่เชื่อถือได้เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและปรับปรุงความสามารถต่างๆ ที่ยังอยู่ในช่วงการทดลอง
ตอนนี้ Project Mariner มีระบบ AI Agent ที่สามารถทำหลายๆ งานพร้อมกันได้สูงสุด 10 งาน AI Agent เหล่านี้สามารถช่วยคุณค้นหาข้อมูล ทำการจอง ซื้อของ ค้นคว้าวิจัย และอื่นๆ ได้ในคราวเดียว
Project Mariner เวอร์ชันอัปเดตพร้อมให้บริการแก่สมาชิก Google AI Ultra ในสหรัฐอเมริกา เรากำลังนำความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์มาไว้ใน Gemini API และเราวางแผนที่จะนำความสามารถอื่นๆ ของ Project Mariner ไปใช้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google ตลอดทั้งปีนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถของ Agentic AI ใน Google Search และแอป Gemini
การทำงานที่ล้ำสมัยทั้งหมดนี้ช่วยให้เราสร้าง AI ที่ทรงพลังและตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของผู้ใช้แต่ละคนมากขึ้น ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต เร่งให้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าเร็วขึ้น และปูทางไปสู่ยุคทองแห่งการค้นพบและการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
Demis Hassabis
CEO ของ Google DeepMind

หมายเหตุบรรณาธิการ: เนื้อหาด้านล่างคือข้อความถอดเสียงคำกล่าวของ ซุนดาร์ พิชัย CEO ของ Google ที่งาน Google I/O 2025 โดยปรับให้รวมข้อมูลอื่นๆ ที่ประกาศภายในงานด้วย ซึ่งคุณสามารถดูประกาศทั้งหมดได้ในคอลเล็กชันนี้
เราต้องการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดของเราให้ถึงมือคุณโดยเร็วที่สุด เราจึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เร็วขึ้นกว่าที่เคย
การพัฒนาโมเดล AI อย่างไม่หยุดยั้ง
ผมตื่นเต้นเป็นพิเศษกับโมเดลที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว คะแนน ELO ซึ่งเป็นตัววัดความคืบหน้า เพิ่มขึ้นกว่า 300 คะแนนนับตั้งแต่ที่เราเปิดตัวโมเดล Gemini Pro รุ่นแรก ปัจจุบัน Gemini 2.5 Pro ครองอันดับ 1 ในลีดเดอร์บอร์ดของ LMArena ทุกหมวดหมู่
การที่เรามีโครงสร้างพื้นฐานระดับแนวหน้าของโลกช่วยให้โมเดล AI ของเราก้าวหน้าอย่างมาก Ironwood ซึ่งเป็นชิป TPU (Tensor Processing Unit) รุ่นที่ 7 ของเรา เป็น TPU แรกที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการคิดและการอนุมานของ AI ได้ในวงกว้าง โดยประสิทธิภาพของชิป Ironwood สูงกว่ารุ่นก่อนถึง 10 เท่า และมาพร้อมการประมวลผลที่สูงถึง 42.5 Exaflop ต่อพอด เรียกได้ว่าสุดยอดจริงๆ
ความแข็งแกร่งทางโครงสร้างพื้นฐานของเรา รวมไปถึงชิป TPU ช่วยให้เราสามารถพัฒนาโมเดล AI ที่มีความรวดเร็วยิ่งขึ้นได้อย่างมาก แม้ว่าราคาของโมเดล AI จะลดลงอย่างมากก็ตาม เราสามารถนำเสนอโมเดลที่ดีที่สุดในราคาที่เหมาะสมได้ตลอดมา Google ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำใน Pareto Frontier เท่านั้น แต่เรายังเป็นผู้เปลี่ยนกฎเกณฑ์พื้นฐานของ Frontier เองด้วย
ผู้คนทั่วโลกกำลังนำ AI มาใช้
ปัจจุบันทุกคนสามารถเข้าถึงปัญญาประดิษฐ์ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และผู้คนทั่วโลกก็ตอบสนองด้วยการนำ AI มาใช้เร็วกว่าที่เคย นี่คือตัวอย่างของความก้าวหน้าที่สำคัญๆ
- ในช่วงเวลานี้ของปีที่ผ่านมา เราประมวลผลข้อมูลได้ 9.7 ล้านล้านโทเค็นต่อเดือนในผลิตภัณฑ์และ API ทั้งหมดของเรา ปัจจุบัน เราประมวลผลข้อมูลได้มากกว่า 480 ล้านล้านโทเค็น ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 50 เท่า
- ปัจจุบันมีนักพัฒนาซอฟต์แวร์กว่า 7 ล้านคนที่สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ด้วย Gemini ซึ่งเพิ่มขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และการใช้งาน Gemini ใน Vertex AI ก็เพิ่มขึ้นถึง 40 เท่า
- ปัจจุบัน แอป Gemini มีผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านคนต่อเดือน เราเห็นการมีส่วนร่วมและการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเดลในซีรีส์ 2.5 อย่างเช่นการใช้งานโมเดล 2.5 Pro ในแอป Gemini ที่เพิ่มขึ้นถึง 45%
จากงานวิจัยสู่การใช้งานจริง
ความก้าวหน้าทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคใหม่ของ AI ซึ่งเป็นยุคที่งานวิจัยที่ใช้เวลาหลายสิบปีกำลังกลายเป็นจริงสำหรับผู้คน ธุรกิจ และชุมชนทั่วโลก
Project Starline → Google Beam + การแปลเสียงพูด
เมื่อไม่กี่ปีก่อน ที่งาน Google I/O เราได้เปิดตัว Project Starline ซึ่งเป็นเทคโนโลยีวิดีโอ 3 มิติที่ล้ำสมัย เป้าหมายคือการสร้างความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังอยู่ในห้องเดียวกันกับใครบางคน แม้ว่าจะอยู่คนละที่กันก็ตาม
นับตั้งแต่นั้นมา เราก็ได้พัฒนาด้านเทคนิคอย่างต่อเนื่อง วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่ก้าวใหม่ด้วยการเปิดตัว Google Beam ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารทางวิดีโอที่ใช้ระบบ AI เป็นหลัก Google Beam ใช้โมเดลวิดีโอตัวใหม่ที่ล้ำสมัยเพื่อเปลี่ยนสตรีมวิดีโอ 2 มิติให้เป็นประสบการณ์ 3 มิติที่สมจริงโดยใช้กล้อง 6 ตัวและ AI เพื่อผสานสตรีมวิดีโอเข้าด้วยกันและแสดงผลใน Light Field Display (LFD) แบบ 3 มิติ นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามการเคลื่อนไหวศีรษะที่แม่นยำมาก โดยสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ละเอียดถึงในระดับมิลลิเมตร และทำงานได้ 60 เฟรมต่อวินาที ซึ่ง Google Beam สามารถทำทั้งหมดนี้ได้ในแบบเรียลไทม์ ผลลัพธ์ที่ได้คือประสบการณ์การสนทนาที่สมจริงและไหลลื่นยิ่งขึ้น โดยเราจะร่วมมือกับ HP เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มแรกสามารถใช้งานอุปกรณ์ Google Beam ได้ภายในปีนี้
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรายังได้สร้างประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้นใน Google Meet อีกด้วย ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้คนข้ามพ้นอุปสรรคทางภาษาด้วยฟีเจอร์การแปลเสียงพูดที่จะเปิดตัวใน Google Meet เทคโนโลยีนี้สามารถจับคู่เสียงและโทนเสียงของผู้พูด รวมถึงการแสดงออกทางสีหน้าของผู้พูดได้แบบเกือบเรียลไทม์ ซึ่งทำให้การสนทนาที่ลื่นไหลเป็นธรรมชาติในหลากหลายภาษาใกล้ความจริงมากขึ้น การแปลภาษาสำหรับภาษาอังกฤษและสเปนจะเปิดให้ใช้งานแก่สมาชิก Google AI Pro และ Ultra ในเวอร์ชันเบต้าก่อน โดยจะมีภาษาอื่นๆ ตามมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนลูกค้าธุรกิจของ Google Workspace จะได้รับสิทธิ์ในการทดสอบเบื้องต้นในปีนี้
Project Astra → Gemini Live
อีกหนึ่งโปรเจ็กต์วิจัยที่น่าตื่นเต้นซึ่งเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Google I/O คือ Project Astra ที่สำรวจความสามารถใหม่ๆ ของผู้ช่วย AI สากลที่เข้าใจสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวคุณ ตอนนี้เราได้ผสานรวมความสามารถในการแชร์กล้องและหน้าจอของ Project Astra ไว้ใน Gemini Live แล้ว และผู้คนก็ใช้ฟีเจอร์นี้ได้อย่างน่าสนใจ ตั้งแต่การเตรียมตัวสัมภาษณ์ไปจนถึงการฝึกซ้อมวิ่งมาราธอน ฟีเจอร์นี้มีให้บริการสำหรับผู้ใช้ Android ทุกคนอยู่แล้ว และจะเปิดให้ผู้ใช้ iOS ได้ใช้งานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ เรายังนำความสามารถเหล่านี้มาใช้กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น Google Search ด้วย
Project Mariner → Agent Mode
เรามองว่า AI Agent เป็นระบบที่รวมความชาญฉลาดของโมเดล AI ขั้นสูงเข้ากับการเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้สามารถทำสิ่งต่างๆ แทนคุณและอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ
Project Mariner ซึ่งเป็นต้นแบบการวิจัยในขั้นต้นของเรา เป็นก้าวแรกในการสร้างสรรค์ AI Agent ที่มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อโต้ตอบกับเว็บและทำสิ่งต่างๆ แทนคุณ เราได้เปิดตัว Project Mariner ในเวอร์ชันต้นแบบการวิจัยในขั้นต้นในเดือนธันวาคม และตั้งแต่นั้นมาเราก็ได้พัฒนา Project Mariner ให้มีความก้าวหน้ามากขึ้นด้วยความสามารถในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน รวมถึงวิธีการที่เรียกว่า “สอนแล้วให้ทำตาม” ซึ่งคุณจะแสดงการทำงานงานหนึ่งให้ AI ดูเพียงครั้งเดียว แล้วปล่อยให้ระบบเรียนรู้ขั้นตอนสำหรับการทำงานที่คล้ายกันในอนาคต เราจะนำความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ของ Project Mariner มาให้บริการแก่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ผ่าน Gemini API ผู้ทดสอบที่เชื่อถือได้อย่างเช่น Automation Anywhere และ UiPath ก็ได้เริ่มทดลองใช้แล้ว และจะพร้อมใช้งานในวงกว้างมากขึ้นในอีกไม่นานนี้
การใช้คอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือที่เราจำเป็นต้องสร้างขึ้นมาเพื่อให้ระบบนิเวศของ AI Agent เติบโต
ตัวอย่างเช่น Agent2Agent Protocol ซึ่งเป็นโปรโตคอลแบบเปิดของเราที่ช่วยให้ AI Agent สามารถพูดคุยกันได้ หรือ Model Context Protocol ของ Anthropic ที่ช่วยให้ AI Agent เข้าถึงบริการอื่นๆ ได้ และในวันนี้ เรายินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า Gemini API และ SDK ของเราสามารถใช้กับเครื่องมือ MCP ได้แล้ว
นอกจากนี้ เรายังจะเริ่มนำความสามารถของ AI Agent มาใช้ใน Google Chrome, Google Search และในแอป Gemini ด้วย ตัวอย่างเช่น Agent Mode ซึ่งเป็นโหมดใหม่ในแอป Gemini จะช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ถ้าคุณกำลังมองหาอพาร์ทเม้นท์ Agent Mode ก็จะช่วยค้นหาประกาศที่ตรงกับความต้องการของคุณในเว็บไซต์อย่าง Zillow พร้อมทั้งปรับตัวกรองและใช้ MCP เพื่อเข้าถึงประกาศ รวมถึงนัดหมายเข้าชมสถานที่จริงให้คุณได้ด้วย ผู้สมัครใช้บริการจะสามารถทดลองใช้ Agent Mode เวอร์ชันทดลองในแอป Gemini ได้ในเร็วๆ นี้ เครื่องมือนี้มีประโยชน์ต่อบริษัทอย่าง Zillow มาก เพราะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มอัตรา Conversion ได้
นี่เป็นด้านใหม่ของ AI ที่กำลังเติบโต และเราตื่นเต้นที่จะได้ค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการนำประโยชน์ของ AI Agent มามอบให้แก่ผู้ใช้และระบบนิเวศในวงกว้างยิ่งขึ้น
พลังแห่งการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ
วิธีที่ดีที่สุดในการนำงานวิจัยมาปรับใช้กับโลกแห่งความเป็นจริงก็คือการทำให้สิ่งนั้นมีประโยชน์จริงๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งนั่นจะทำให้การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ (Personalization) เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เรากำลังทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงด้วยคุณสมบัติที่เราเรียกว่าบริบทส่วนบุคคล (Personal Context) ทั้งนี้ โมเดล Gemini จะสามารถใช้บริบทส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องในแอปต่างๆ ของ Google ที่คุณใช้อยู่ได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากคุณ โดยที่ยังคงความเป็นส่วนตัว มีความโปร่งใส และอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณทั้งหมด
ตัวอย่างของความสามารถนี้คือฟีเจอร์ช่วยตอบ (Smart Reply) ใน Gmail ที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณแบบใหม่ หากเพื่อนส่งอีเมลมาขอคำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวที่คุณเคยไป Gemini ก็สามารถค้นหาอีเมลและไฟล์เก่าๆ ของคุณใน Google Drive ให้ได้ เช่น แผนการเดินทางที่คุณสร้างใน Google Docs เพื่อแนะนำคำตอบพร้อมรายละเอียดที่เจาะจงและตรงประเด็น รวมถึงใช้คำทักทายที่คุณใช้เป็นประจำ ตลอดจนโทนเสียง สไตล์ และคำศัพท์ที่คุณชอบใช้ เพื่อสร้างคำตอบที่มีความเกี่ยวข้องมากขึ้นและฟังดูเป็นธรรมชาติในแบบฉบับของคุณเอง ฟีเจอร์ช่วยตอบอีเมลที่ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณจะพร้อมให้สมาชิกใช้งานภายในปีนี้ ซึ่งคุณคงจะเห็นภาพว่าบริบทส่วนบุคคลนั้นมีประโยชน์เพียงใดใน Google Search, Gemini และผลิตภัณฑ์อื่นๆ
โหมด AI ใน Google Search
โมเดล Gemini ของเราช่วยให้ Google Search ฉลาดขึ้น สามารถทำสิ่งต่างๆ แทนผู้ใช้ และปรับเปลี่ยนผลการค้นหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละคนได้มากขึ้น
นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ข้อมูลภาพรวมโดย AI (AI Overview) ได้ขยายการใช้งานให้ครอบคลุมผู้ใช้กว่า 1.5 พันล้านราย และขณะนี้มีให้บริการใน 200 ประเทศและเขตแดน เราพบว่าผู้ที่ใช้ AI Overview พึงพอใจกับผลการค้นหามากขึ้นและค้นหาบ่อยขึ้น ในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเราอย่างสหรัฐอเมริกาและอินเดีย พบว่าประเภทของคำค้นหาที่แสดง AI Overview เพิ่มขึ้นถึง 10% และยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นับเป็นการเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่งของ Google Search ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การใช้งาน AI ใน Google Search แบบครบวงจร เราได้เปิดตัวโหมด AI (AI Mode) รูปแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นการพลิกโฉมการค้นหาด้วย Google Search อย่างสิ้นเชิง ความสามารถในการให้เหตุผลขั้นสูงของโหมด AI ทำให้คุณสามารถถามคำถามที่ซับซ้อนและยาวขึ้นได้ โดยผู้ทดสอบกลุ่มแรกได้ถามคำถามที่ยาวกว่าการค้นหาแบบดั้งเดิมถึง 2-3 เท่า และคุณยังสามารถถามคำถามติดตามผลเพิ่มเติมได้ โดยทั้งหมดนี้พร้อมใช้งานในแท็บใหม่ใน Google Search
ผมใช้ฟีเจอร์นี้บ่อยมากและฟีเจอร์นี้ได้เปลี่ยนวิธีที่ผมใช้ Google Search ไปอย่างสิ้นเชิง และผมยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าโหมด AI จะเปิดให้ทุกคนในสหรัฐอเมริกาใช้งานแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โมเดล Gemini ล่าสุดของเราช่วยให้ AI ตอบคำถามได้อย่างมีคุณภาพและแม่นยำอย่างที่ผู้ใช้คาดหวังจาก Google Search ทั้งยังตอบคำถามได้เร็วที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ด้วย และตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป Gemini 2.5 จะพร้อมใช้งานแล้วใน Google Search ในสหรัฐอเมริกา
ยกระดับ Gemini 2.5 โมเดลที่ชาญฉลาดที่สุดของเราขึ้นไปอีกขั้น
โมเดลหลักที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากที่สุดของเราอย่าง Gemini 2.5 Flash ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ชื่นชอบความเร็วและต้นทุนที่ต่ำ Gemini 2.5 Flash เวอร์ชันใหม่จะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในเกือบทุกด้าน โดยได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นในเกณฑ์มาตรฐานสำคัญสำหรับการให้เหตุผล ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลหลายรูปแบบ (Multimodality) ความสามารถในการเขียนโค้ดและหน้าต่างบริบทที่ยาวขึ้น นอกจากนี้ยังขึ้นแท่นอันดับ 2 บนลีดเดอร์บอร์ดของ LMArena ซึ่งเป็นรองจาก Gemini 2.5 Pro เท่านั้น
เรากำลังทำให้ Gemini 2.5 Pro ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วยการเปิดตัวโหมดการให้เหตุผลเวอร์ชันที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งเรียกว่า Deep Think โดยใช้ผลการวิจัยล่าสุดที่ล้ำสมัยของเราในด้านการคิดและการให้เหตุผล รวมถึงเทคนิคการคิดไปพร้อมๆ กัน (Parallel Thinking)
แอป Gemini ที่ทรงพลังและตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของคุณมากขึ้น
เรากำลังทำให้ Deep Research ให้ข้อมูลที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากขึ้น โดยให้คุณสามารถอัปโหลดไฟล์ของคุณเอง และในเร็วๆ นี้จะสามารถเชื่อมต่อกับ Google Drive และ Gmail ได้ด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างรายงานการวิจัยแบบกำหนดเอง และเรากำลังผสานรวม Deep Research เข้ากับ Canvas เพื่อให้คุณสร้างอินโฟกราฟิกแบบไดนามิก แบบทดสอบ หรือแม้แต่พอดแคสต์ในหลายภาษาได้ในคลิกเดียว นอกจากนี้ เรายังเห็นการตอบรับที่ดีในการเขียนโค้ดแบบ Vibe Coding ร่วมกับ Canvas ซึ่งช่วยให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสร้างแอปที่ใช้งานได้จริงได้ง่ายๆ โดยการแชทกับ Gemini
ในส่วนของ Gemini Live ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ชื่นชอบ เราจะเปิดให้ทุกคน รวมถึงผู้ใช้ iOS ใช้งานฟีเจอร์การแชร์กล้องและหน้าจอได้อย่างอิสระ และในเร็วๆ นี้ คุณยังสามารถเชื่อมต่อกับแอป Google ที่ชื่นชอบได้เพื่อรับความช่วยเหลือได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
ความก้าวหน้าในโมเดล Generative AI สำหรับการสร้างสรรค์สื่อของเรา
ขอแนะนำ Veo 3 ซึ่งเป็นโมเดลวิดีโอที่ล้ำสมัยล่าสุดของเราที่ตอนนี้สามารถสร้างเสียงแบบเนทีฟได้แล้ว นอกจากนี้ เรายังเปิดตัว Imagen 4 ซึ่งเป็นโมเดลการสร้างรูปภาพเวอร์ชันล่าสุดที่มากความสามารถที่สุดของเรา โดยทั้ง Veo 3 และ Imagen 4 มีให้บริการในแอป Gemini ซึ่งจะเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ของความคิดสร้างสรรค์
ยิ่งไปกว่านั้น เรากำลังจะนำความสามารถเหล่านั้นมาให้ผู้สร้างภาพยนตร์ได้ใช้งานด้วยเครื่องมือใหม่ที่เรียกว่า Flow ที่ให้คุณสร้างคลิปสไตล์ภาพยนตร์และขยายคลิปสั้นๆ ให้กลายเป็นฉากที่ยาวขึ้นได้
โอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน
AI สร้างโอกาสต่างๆ มากมาย และผู้ที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางของ AI ก็คือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ผู้สร้างเทคโนโลยี และนักแก้ปัญหาต่างๆ ที่จะต้องทำให้ประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้เข้าถึงผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้เราเป็นอย่างมากก็คืองานวิจัยที่เรากำลังทำอยู่ในปัจจุบันที่จะกลายเป็นรากฐานของชีวิตจริงในอนาคต ตั้งแต่การพัฒนาหุ่นยนต์ไปจนถึงเทคโนโลยีควอนตัม, AlphaFold และ Waymo
ผมไม่เคยมองข้ามโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนเลย และประสบการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ทำให้ผมเข้าใจถึงเรื่องนี้ ตอนนั้นผมอยู่ที่ซานฟรานซิสโกกับพ่อแม่ของผม สิ่งแรกที่พวกท่านอยากทำคือนั่งรถ Waymo ซึ่งผมรู้มาว่ากำลังกลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ผมเคยนั่งรถ Waymo มาก่อน แต่คุณพ่อของผมที่อายุ 80 กว่าปีกลับรู้สึกทึ่งกับเทคโนโลยีนี้มาก ซึ่งทำให้ผมได้เห็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนี้ในมุมมองใหม่
ประสบการณ์ในวันนั้นย้ำเตือนให้เห็นว่าเทคโนโลยีมีพลังอันน่าทึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างความตื่นตาตื่นใจ และผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า และผมก็แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ใหม่ๆ ที่เราจะได้สร้างร่วมกันต่อไป
ซุนดาร์ พิชัย
CEO ของ Alphabet และ Google
Gemini 2.5 Pro ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในฐานะโมเดลที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนโค้ด และ Gemini 2.5 Flash ก็ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยการอัปเดตใหม่ นอกจากนี้ เรายังเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ให้กับโมเดลของเราด้วย รวมถึง Deep Think ซึ่งเป็นโหมดการให้เหตุผลที่ได้รับการปรับปรุงความสามารถสำหรับ Gemini 2.5 Pro
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราได้ประกาศเปิดตัว Gemini 2.5 Pro ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ชาญฉลาดที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา และเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เราได้นำการอัปเดตใหม่ๆ วันนี้ เราจะมาแชร์ข้อมูลอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับซีรีส์โมเดล Gemini 2.5 ดังต่อไปนี้
- นอกเหนือจากประสิทธิภาพอันน่าทึ่งในเกณฑ์มาตรฐานทางวิชาการแล้ว ตอนนี้ Gemini 2.5 Pro ยังถูกยกเป็นโมเดล AI ชั้นนำระดับโลก โดยขึ้นนำในการจัดอันดับของ WebDev Arena และ LMArena ในเรื่องของการช่วยให้ผู้คนเรียนรู้
- เรากำลังเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ให้กับ Gemini 2.5 Pro และ 2.5 Flash ได้แก่ เอาต์พุตเสียงแบบเนทีฟสำหรับประสบการณ์การสนทนาที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น การรักษาความปลอดภัยขั้นสูง และความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ของ Project Mariner Gemini 2.5 Pro จะมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นด้วย Deep Think ในเวอร์ชันทดลอง ซึ่งเป็นโหมดการให้เหตุผลที่ได้รับการปรับปรุงความสามารถสำหรับการคำนวณและการเขียนโค้ดที่ซับซ้อน
- เราจะยังคงเดินหน้ายกระดับประสบการณ์ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยการเปิดตัวการสรุปความคิดใน Gemini API และ Vertex AI เพื่อให้มีความความโปร่งใสมากขึ้น ขยายงบประมาณการคิดให้กับ Gemini 2.5 Pro เพื่อให้ควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มการสนับสนุนสำหรับเครื่องมือ MCP ใน Gemini API และ SDK เพื่อเข้าถึงเครื่องมือโอเพนซอร์สเพิ่มเติม
- ตอนนี้ Gemini 2.5 Flash พร้อมให้ทุกคนใช้งานได้ในแอป Gemini แล้ว และเราจะเผยแพร่เวอร์ชันอัปเดตให้พร้อมใช้งานใน Google AI Studio สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และใน Vertex AI สำหรับผู้ใช้ระดับองค์กรในเดือนมิถุนายน และจะตามมาด้วย Gemini 2.5 Pro ในเร็วๆ นี้
ความก้าวหน้าที่น่าทึ่งนี้เป็นผลมาจากความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของทีมต่างๆ ทั่วทั้ง Google ในการปรับปรุงเทคโนโลยีของเราให้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนพัฒนาและเปิดตัวเทคโนโลยีเหล่านั้นอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ มาดูรายละเอียดการอัปเดตต่างๆ กันเลย
Gemini 2.5 Pro ทำงานได้ดีขึ้นกว่าที่เคย
นอกเหนือจากประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งในเกณฑ์มาตรฐานทางวิชาการแล้ว Gemini 2.5 Pro เวอร์ชันใหม่ยังเป็นผู้นำในลีดเดอร์บอร์ดการเขียนโค้ดยอดนิยมอย่าง WebDev Arena โดยมีคะแนน ELO อยู่ที่ 1,415 คะแนน นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำในลีดเดอร์บอร์ดทั้งหมดของ LMArena ซึ่งประเมินความชื่นชอบของผู้ใช้ในมิติต่างๆ และด้วยหน้าต่างบริบทขนาด 1 ล้านโทเค็น Gemini 2.5 Pro จึงมีประสิทธิภาพสุดล้ำในการทำความเข้าใจบริบทที่ยาวและวิดีโอ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเอกสารประกอบเกี่ยวกับโมเดล Gemini 2.5 Pro ที่อัปเดตแล้ว และที่หน้าเว็บของเทคโนโลยี Gemini
Deep Think
จากการสำรวจขอบเขตความสามารถในการคิดของ Gemini เราได้เริ่มทดสอบโหมดการให้เหตุผลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นที่เรียกว่า Deep Think ซึ่งใช้เทคนิคการวิจัยใหม่ ทำให้โมเดลสามารถพิจารณาสมมติฐานต่างๆ ได้หลายข้อก่อนที่จะให้คำตอบ
2.5 Pro Deep Think ได้รับคะแนนที่น่าประทับใจในการทดสอบ USAMO ประจำปี 2025 ซึ่งปัจจุบันเป็นการทดสอบทางคณิตศาสตร์ที่ยากที่สุด นอกจากนี้ยังได้คะแนนนำใน LiveCodeBench ซึ่งเป็นการทดสอบการเขียนโค้ดระดับการแข่งขันที่ยาก และได้คะแนน 84.0% ใน MMMU ซึ่งเป็นการทดสอบการให้เหตุผลแบบมัลติโมดัล
เนื่องจากเรากำลังกำหนดขอบเขตสำหรับ 2.5 Pro Deep Think เราจึงต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการประเมินความปลอดภัยในขอบเขตที่กว้างขึ้นและรับข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยด้วย ในขั้นตอนนี้ เราจะเปิดให้ Deep Think พร้อมใช้งานสำหรับกลุ่มผู้ทดสอบที่เชื่อถือได้ผ่านทาง Gemini API เพื่อรวบรวมความคิดเห็นของผู้ใช้ก่อนที่จะเปิดให้ใช้งานได้ในวงกว้างขึ้น
Gemini 2.5 Flash ที่ดียิ่งขึ้น
Gemini 2.5 Flash เป็นโมเดลหลักที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของเราที่ออกแบบมาให้มีความเร็วและต้นทุนต่ำ ซึ่งตอนนี้ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นในเกณฑ์มาตรฐานสำคัญสำหรับการให้เหตุผล ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลหลายรูปแบบ (Multimodality) ความสามารถในการเขียนโค้ดและหน้าต่างบริบทที่ยาวขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยใช้โทเค็นน้อยลง 20-30% ในการประเมินของเรา
Gemini 2.5 Flash เวอร์ชันใหม่พร้อมให้ทดลองใช้แล้วใน Google AI Studio สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ใน Vertex AI สำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร และในแอป Gemini สำหรับทุกคน และจะพร้อมให้ใช้งานจริงโดยทั่วไปในต้นเดือนมิถุนายนนี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเอกสารประกอบเกี่ยวกับโมเดล Gemini 2.5 Flash ที่อัปเดตแล้ว และในหน้าเว็บของเทคโนโลยี Gemini
ความสามารถใหม่ๆ ของ Gemini 2.5
เอาต์พุตเสียงแบบเนทีฟและการปรับปรุง Live API
วันนี้ Live API จะมีเวอร์ชันตัวอย่างทดลองใช้สำหรับอินพุตเสียงและภาพ และบทสนทนาเอาต์พุตเสียงแบบเนทีฟ เพื่อช่วยให้คุณสร้างประสบการณ์การสนทนากับ Gemini ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้นได้โดยตรง
ผู้ใช้สามารถกำหนดโทนเสียง สำเนียง และสไตล์การพูดได้ด้วย ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสั่งให้โมเดลใช้เสียงที่ชวนดราม่าเมื่อเล่าเรื่อง นอกจากนี้ยังรองรับการใช้เครื่องมือเพื่อให้สามารถค้นหาแทนคุณได้
ในเบื้องต้น คุณสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้
- การสนทนาเชิงอารมณ์ ซึ่งโมเดลจะตรวจจับอารมณ์ในเสียงของผู้ใช้และตอบสนองอย่างเหมาะสม
- เสียงเชิงรุก ซึ่งโมเดลจะไม่สนใจการสนทนาเบื้องหลังและรู้ว่าเมื่อใดควรตอบสนอง
- การคิดใน Live API ซึ่งโมเดลจะใช้ประโยชน์จากความสามารถในการคิดของ Gemini เพื่อรองรับงานที่ซับซ้อนมากขึ้น
นอกจากนี้เรายังจะเปิดตัวเวอร์ชันตัวอย่างทดลองใช้สำหรับการแปลงข้อความเป็นเสียง (Text-to-Speech) ใน Gemini 2.5 Pro และ 2.5 Flash ซึ่งมาพร้อมการรองรับผู้พูดหลายคนสำหรับ 2 เสียงเป็นครั้งแรก ทำให้สามารถแปลงข้อความเป็นเสียงด้วยเสียงสองเสียงผ่านเอาต์พุตเสียงแบบเนทีฟได้
การแปลงข้อความเป็นเสียงนั้นจะมีความชัดเจนเช่นเดียวกับบทสนทนาเอาต์พุตเสียงแบบเนทีฟ และสามารถจับรายละเอียดเล็กๆ ของเสียงพูดได้ เช่น เสียงกระซิบ โดยสามารถใช้งานได้ในกว่า 24 ภาษา และสามารถสลับไปมาระหว่างภาษาต่างๆ ได้อย่างราบรื่น
ความสามารถในการแปลงข้อความเป็นเสียงนี้พร้อมใช้งานแล้วใน Gemini API
การใช้คอมพิวเตอร์
เราจะนำความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ของ Project Mariner ไปไว้ใน Gemini API และ Vertex AI ซึ่งบริษัทต่างๆ เช่น Automation Anywhere, UiPath, Browserbase, Autotab, The Interaction Company และ Cartwheel กำลังสำรวจศักยภาพของความสามารถนี้อยู่ และเราตื่นเต้นที่จะเปิดให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ทดลองใช้ในวงกว้างมากขึ้นในอีกไม่นานนี้
การรักษาความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เรายังเพิ่มการป้องกันภัยคุกคามด้านความปลอดภัย เช่น การแทรกพรอมต์ทางอ้อม ซึ่งเป็นการฝังคำสั่งที่เป็นอันตรายลงในข้อมูลที่โมเดล AI ดึงมาใช้ แนวทางการรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ของเราช่วยเพิ่มอัตราการป้องกันภัยคุกคามของ Gemini ต่อการโจมตีด้วยการแทรกพรอมต์ทางอ้อมขณะใช้งานเครื่องมือได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ Gemini 2.5 เป็นกลุ่มโมเดลที่ปลอดภัยที่สุดของเราในขณะนี้
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินงานของเราในด้านความปลอดภัย ความรับผิดชอบ และการรักษาความปลอดภัย รวมถึงวิธีที่เรายกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยของ Gemini ได้ที่บล็อก Google DeepMind
ประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์
การสรุปความคิด
ตอนนี้ Gemini 2.5 Pro และ Flash จะรวมความสามารถในการสรุปความคิดไว้ใน Gemini API และ Vertex AI การสรุปความคิดจะรวบรวมความคิดของโมเดลโดยสังเขปและจัดระเบียบให้เป็นรูปแบบที่ชัดเจน โดยแบ่งเป็นหัวข้อ รายละเอียดสำคัญ และข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการของโมเดล เช่น การใช้เครื่องมือต่างๆ
เราหวังว่าการมีรูปแบบกระบวนการคิดของโมเดลที่เป็นโครงสร้างและกระชับมากขึ้น จะช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์และผู้ใช้แก้ไขข้อบกพร่องและเข้าใจสิ่งที่โมเดล Gemini กำลังคิดได้ง่ายขึ้นด้วย
งบประมาณการคิด
เราได้เปิดตัว Gemini Flash 2.5 พร้อมการกำหนดงบประมาณการคิดเพื่อช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้นโดยปรับความสมดุลระหว่างเวลาในการตอบสนองและคุณภาพ และเราจะขยายความสามารถนี้ไปยัง Gemini 2.5 Pro ซึ่งช่วยให้คุณควบคุมจำนวนโทเค็นที่โมเดลใช้ในการคิดก่อนที่จะตอบคำถามหรือปิดความสามารถในการคิดของโมเดลได้
Gemini 2.5 Pro ที่สามารถกำหนดงบประมาณการคิดจะพร้อมสำหรับการใช้งานจริงที่มีความเสถียรได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ควบคู่ไปกับโมเดลที่พร้อมให้ใช้งานทั่วไป
การรองรับ MCP
เราได้เพิ่มการสนับสนุน SDK แบบเนทีฟสำหรับคำจำกัดความ Model Context Protocol (MCP) ใน Gemini API เพื่อให้สามารถผสานรวมกับเครื่องมือโอเพ่นซอร์สได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ เรายังได้สำรวจวิธีการปรับใช้เซิร์ฟเวอร์ MCP และเครื่องมือโฮสต์อื่นๆ เพื่อให้คุณสร้างแอป Agentic AI ได้ง่ายขึ้น
เรายังคงคิดค้นวิธีใหม่ๆ อยู่เสมอเพื่อปรับปรุงโมเดลของเราให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น พร้อมทั้งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และเปิดรับความคิดเห็นจากนักพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนางานวิจัยพื้นฐานให้ครอบคลุมและลึกขึ้นเรื่อยๆ เพื่อขยายขอบเขตความสามารถของ Gemini ซึ่งเราจะมีการอัปเดตเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Gemini และความสามารถต่างๆ ได้ในเว็บไซต์ของเรา
Tulsee Doshi
Senior Director, Product Management ในนามของทีม Gemini

ปัญหาการจราจรถือเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดในเมืองใหญ่ๆ ซึ่งรวมถึงกรุงเทพฯ นอกจากนี้ การคมนาคมขนส่งบนท้องถนนยังเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย เพื่อช่วยบรรเทาปัญหานี้กรุงเทพมหานคร (กทม.) จึงได้ร่วมมือกับ Google ในการปรับปรุงการจราจรในกรุงเทพฯ ผ่าน Project Green Light ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มของ Google ที่ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้สัญญาณไฟจราจรและลดปัญหาการจราจรติดขัดตามแยกที่มีการจราจรคับคั่งที่สุดในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ
Project Green Light ใช้ AI และข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์การขับขี่ยานพาหนะจาก Google Maps ในการวิเคราะห์รูปแบบการจราจรและให้คำแนะนำเพื่อปรับจังหวะการให้สัญญาณไฟจราจรให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะทำให้การจราจรคล่องตัวขึ้นและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากยานพาหนะที่จอดติดบนท้องถนนโดยลดการหยุดรถที่ไม่จำเป็นและบรรเทาการจราจรแบบ stop-and-go ที่มีการเคลื่อนที่ช้าๆ สลับกับหยุดเป็นช่วงๆ นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการจัดการการจราจรบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นับตั้งแต่ที่เริ่มนำร่อง Project Green Light ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 กทม. ได้นำการแนะนำการให้สัญญาณไฟจราจรด้วย AI ไปใช้ตามทางแยกหลักๆ ทั่วกรุงเทพฯ โดยกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งใน 18 เมืองจากทั่วโลกที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการนำร่องนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการจัดการจราจรในเมืองใหญ่อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา Project Green Light ได้ช่วยวิเคราะห์การจราจรบริเวณทางแยกที่มีสัญญาณไฟจราจรหลายร้อยแห่งทั่วกรุงเทพฯ โดยใช้ AI และข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์การขับขี่ยานพาหนะจาก Google Maps ระบบจะเสนอคำแนะนำเพื่อปรับรอบเวลาสัญญาณไฟจราจรและการเคลื่อนตัวของการจราจรบนท้องถนนให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด จากนั้นวิศวกรด้านการจราจรของกรุงเทพมหานครจะประเมินข้อเสนอแนะแต่ละข้อโดยพิจารณาในเรื่องของความปลอดภัย ความเป็นไปได้ที่จะนำไปใช้ในสถานการณ์จริง และประสิทธิผลของข้อเสนอแนะนั้นๆ ก่อนนำไปปฏิบัติจริง เมื่อมีการนำข้อเสนอแนะนั้นไปปฏิบัติแล้ว Project Green Light จะวัดผลกระทบต่อรูปแบบการจราจรและส่งการวิเคราะห์นี้ให้กรุงเทพมหานครเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นในอนาคตต่อไป
Project Green Light ช่วยให้เราใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองต่างๆ ทั่วโลกโดยช่วยให้การจราจรเคลื่อนตัวได้ดีขึ้นและลดมลพิษบนท้องถนน ผลลัพธ์เบื้องต้นจากการดำเนินการทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Project Green Light ที่ช่วยลดการหยุดรถบนท้องถนนได้ถึง 30% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 10%* โดยมีการเดินทางด้วยรถยนต์ที่ใช้ระบบนี้กว่า 55 ล้านเที่ยวต่อเดือน
ปัจจุบัน มีการนำ Project Green Light ไปใช้ตามทางแยกต่างๆ ใน 18 เมือง ครอบคลุม 4 ทวีปทั่วโลก ตั้งแต่เมืองไฮฟา ประเทศอิสราเอล ไปจนถึงเมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี และกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยช่วยประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซเรือกระจกจากการเดินทางด้วยรถยนต์ในบริเวณทางแยกเหล่านี้ได้มากถึง 30 ล้านเที่ยวต่อเดือน Project Green Light สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Google ในการใช้ AI เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนนับล้านในเมืองต่างๆ ทั่วโลก
*การคำนวณการลดลงของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอ้างอิงจาก 1) ข้อมูลเบื้องต้นที่คำนวณโดยเฉลี่ยจากทางแยกที่ประสานกัน ซึ่งคาดว่าตัวเลขเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และหวังว่าผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการขยายพื้นที่ใช้งานมากขึ้น 2) การสร้างแบบจำลองโดยใช้แบบจำลองการปล่อยมลพิษจากกระทรวงพลังงาน โดยใช้ประเภทยานพาหนะเดียวเป็นค่าประมาณสำหรับการจราจรทั้งหมด (ยังไม่ได้ปรับตามกลุ่มยานพาหนะในท้องถิ่น)
BMA partners with Google’s Project Green Light to improve Bangkok traffic with AI-powered signal optimization
One of the most significant challenges in any major city is traffic - and Bangkok is no exception. Road transportation is also a significant contributor to greenhouse gas emissions. To mitigate this issue, the Bangkok Metropolitan Administration (BMA) has entered into a partnership with Google’s Project Green Light to use AI-powered technology to improve traffic signal timing and reduce congestion at some of the city’s busiest intersections.
The initiative leverages AI and driving trends from Google Maps to analyze traffic patterns and generate recommendations to optimize signal timing. By reducing unnecessary stops and minimizing stop-and-go movement, the program aims to smooth traffic flow and reduce vehicle emissions, offering a more innovative and greener way to manage city streets.
Since the program’s launch in February 2025, the BMA has implemented Project Green Light’s AI-powered recommendations at key intersections in Bangkok. Bangkok is one of 18 cities globally selected to participate in this pilot project, marking a significant step toward more intelligent, more efficient urban traffic management.
For the past three months, Project Green Light has analyzed traffic at hundreds of signalized intersections across Bangkok using AI and Google Maps driving trends. The system offers recommendations to optimize traffic signal timing and flow. BMA traffic engineers then evaluate each suggestion for safety, practicality, and effectiveness before implementation. Once implemented, Project Green Light measures the impact on traffic patterns and provides this analysis to BMA to continue monitoring for any future needed changes.
Through Project Green Light, we are using AI to help improve the lives of people in cities around the globe by improving traffic flow and reducing emissions. Globally, early numbers indicate a potential for up to 30% reduction in stops and a 10% reduction in greenhouse gas emissions.* We’ve had more than 55 million car rides per month using our system.
Project Green Light lives in 18 cities across 4 continents, from Haifa, Israel, Bangalore, India, Hamburg, Germany, and now Bangkok, Thailand. In these intersections, we can save fuel and lower emissions for up to 30 million car rides monthly. Project Green Light reflects Google's commitment to use AI to address climate change and improve millions of lives in cities worldwide.
*Carbon saving assumptions are based on: 1) Early data points that are averaged from coordinated intersections. We expect these numbers to evolve over time and look forward to sharing continued results as we expand. 2) Modeled using an emissions model from the Department of Energy, with a single vehicle type as an approximation for all traffic (not yet adjusted for local vehicle mix).

เมื่อปีที่แล้ว เราได้ขยายการให้บริการ NotebookLM ไปยังกว่า 200 ประเทศ และขณะนี้เรากำลังเปิดให้ใช้งาน Audio Overviews ในกว่า 50 ภาษา รวมทั้งภาษาไทย
Audio Overviews ซึ่งเปลี่ยนแหล่งข้อมูลของคุณให้กลายเป็นการสนทนาที่น่าสนใจคล้ายพอดแคสต์ ได้รับความนิยมอย่างมากทันทีที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ขณะนี้ ด้วยการสนับสนุนเสียงแบบเนทีฟของ Gemini ผู้คนจำนวนมากยิ่งขึ้นสามารถใช้ Audio Overviews ในภาษาที่ตนเองต้องการได้ ตั้งแต่ภาษาแอฟริกา ไปจนถึงภาษาฮินดี ภาษาตุรกี และอื่นๆ อีกมากมาย นี่เป็นเพียงหนึ่งในสิ่งที่เป็นไปได้ด้วยฟีเจอร์นี้ เราวางแผนที่จะพัฒนาและปรับปรุงฟีเจอร์นี้ต่อไปตามความคิดเห็นของคุณ
Audio Overviews จะถูกสร้างขึ้นในภาษาที่คุณต้องการในบัญชีของคุณ การอัปเดตนี้ยังรวมถึงตัวเลือก "ภาษาเอาต์พุต" ใหม่ในการตั้งค่าของ NotebookLM โดย Audio Overviews ของคุณจะถูกสร้างขึ้นในภาษาที่คุณเลือกไว้ที่นี่เสมอ คุณสามารถเปลี่ยนภาษาได้ตลอดเวลา และการตอบสนองด้วยเสียงและการแชทของคุณก็จะเปลี่ยนภาษาตามไปด้วย ซึ่งทำให้ง่ายต่อการสร้างเนื้อหาหรือสื่อการเรียนรู้หลายภาษาได้ตามต้องการ
ตัวอย่างเช่น ครูที่กำลังเตรียมบทเรียนเกี่ยวกับป่าฝนอเมซอนสามารถแชร์แหล่งข้อมูลในภาษาต่างๆ ให้กับนักเรียนของตนได้ เช่น สารคดีภาษาโปรตุเกส งานวิจัยภาษาสเปน และรายงานการศึกษาภาษาอังกฤษ นักเรียนสามารถอัปโหลดข้อมูลเหล่านี้และสร้าง Audio Overview ของข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญในภาษาที่ตนเองต้องการได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยทำลายอุปสรรคทางภาษาและทำให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น
เราหวังว่าการเพิ่มภาษาให้กับ Audio Overviews จะช่วยให้คุณค้นพบข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ และเชื่อมต่อกับข้อมูลในภาษาของคุณเอง ลองใช้งานได้แล้ววันนี้ที่ notebooklm.google
Michael Chen, Software Engineer, Google Labs
Arielle Fox, Program Manager, Google Labs

จุดพลุฉลองได้เลย เพราะ YouTube มีอายุครบ 20 ปีแล้ว จากคลิป 19 วินาทีที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง จนถึงตอนนี้ที่มีวิดีโอมากกว่า 2 หมื่นล้านรายการอัปโหลดลงใน YouTube* ซึ่งรวมถึงเพลง Shorts พอดแคสต์ และคอนเทนต์อื่นๆ อีกมากมาย เราเติบโตขึ้นอย่างมากในเวลาเพียง 2 ทศวรรษ
มาเริ่มฉลองวันเกิดไปกับเราผ่านกิจกรรมมากมายที่คุณร่วมสนุกได้ แอบส่องฟีเจอร์ใหม่ๆ สถิติต่างๆ เรื่องน่าสนใจ และความลับที่เราแอบเก็บไว้ด้านล่างเพื่อร่วมฉลองโอกาสพิเศษนี้เลย
“เตรียมพร้อมไปกับเรา” ด้วยเกร็ดน่ารู้ต่อไปนี้ที่เราเอามาแชร์เลย
- ช่างเหมาะเจาะสำหรับวันเกิดครบรอบ 20 ปีจริงๆ เพราะเราพบว่าแต่ละวันมีการอัปโหลดวิดีโอลงใน YouTube มากกว่า 20 ล้านคลิปโดยเฉลี่ย**
- YouTube ไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ฉลองวันเกิดในปีนี้ YouTube Music และ YouTube Kids ก็กำลังจะมีอายุครบ 10 ปีในปีนี้เช่นกัน ซึ่งก่อนที่จะเปิดตัว YouTube Music เคยใช้ชื่อว่า Woodstock
- คนคุยกันบน YouTube เยอะมาก แต่สงสัยใช่ไหมว่าเยอะแค่ไหน ในปี 2024 ผู้ใช้ YouTube แสดงความคิดเห็นในวิดีโอเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 100 ล้านรายการ แถมเรายังค้นพบด้วยว่าครีเอเตอร์กดหัวใจให้ความคิดเห็นจากผู้ชม 10 ล้านคนโดยเฉลี่ยทุกๆ วัน***

- สิ่งที่ทำให้ YouTube โดดเด่นคือการมีส่วนร่วมของชุมชนที่มีต่อครีเอเตอร์และคอนเทนต์ของพวกเขา เมื่อปีก่อน เราพบว่าโดยเฉลี่ยแล้ววิดีโอ YouTube ได้รับการกดชอบกว่า 3.5 พันล้านครั้งจากผู้ใช้ในแต่ละวัน
- มีมิวสิกวิดีโอมากกว่า 300 คลิปบน YouTube ที่มียอดดูทะลุพันล้านครั้ง แต่คุณรู้ไหมว่ามิวสิกวิดีโอที่ทำยอดดูถึงพันล้านครั้งได้เร็วที่สุด 5 อันดับแรกคือมิวสิกวิดีโอต่อไปนี้
มา “แกะกล่อง” ฟีเจอร์ล่าสุดของเรากัน
- ในอีกไม่กี่สัปดาห์ สมาชิก YouTube TV จะสามารถทดลองสร้างหน้าจอดูวิดีโอแบบหลายมุมมองของตัวเองได้ด้วยคอนเทนต์บางรายการที่ไม่ใช่กีฬา โดยเราจะเริ่มอนุญาตคอนเทนต์จากช่องยอดนิยมไม่กี่ช่องก่อน แล้วจะขยายการให้บริการนี้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

- ปีก่อนมีครีเอเตอร์กลุ่มเล็กๆ ได้รับสิทธิ์ใช้ความสามารถในการตอบกลับความคิดเห็นด้วยเสียงในวิดีโอของตัวเอง และเราตื่นเต้นที่จะเปิดให้ครีเอเตอร์จำนวนมากขึ้นได้ใช้งานฟีเจอร์นี้ภายในปีนี้
- อธิบายแนวเพลงที่คุณอยากฟังและสร้างสถานีวิทยุที่ปรับตามความต้องการของคุณเองด้วยฟีเจอร์ Ask Music ถือว่าเพอร์เฟกต์สุดๆ สำหรับคนที่ฝันมาตลอดว่าอยากให้ชีวิตมีเพลงประกอบ โดย Ask Music พร้อมให้บริการบน iOS และ Android สำหรับผู้ใช้ YouTube Premium และ YouTube Music ทุกคน ผู้ที่สมัครใช้บริการเป็นภาษาอังกฤษในบางประเทศสามารถปรับแต่งการท่องโลกแห่งเสียงเพลงได้แล้ว แต่เดี๋ยวเราจะเปิดให้บริการในภาษาและประเทศอื่นๆ อีกในอนาคต

- ถ้าคาเฟอีนยังไม่แรงพอสำหรับคุณ ก็ลองเร่งสปีดวิดีโอให้เร็วขึ้น 4 เท่าดูสิ นี่เป็นความสามารถใหม่ที่เราเพิ่งเปิดตัวบน YouTube Premium ตอนนี้สมาชิก YouTube Premium ที่ใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่สามารถใช้ตัวเลือกความเร็วในการเล่นเพิ่มเติมที่เร็วกว่า 2 เท่า (เช่น 2.05 เท่า, 2.5 เท่า, 3 เท่า) โดย 4 เท่าเป็นตัวเลือกล่าสุด
- เตรียมตัวรับประสบการณ์การดูทีวีแบบอัปเกรดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ได้เลย ซึ่งจะทำให้ใช้งานและเล่นวิดีโอได้ง่ายขึ้น ปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น แถมยังให้คุณดูความคิดเห็น ข้อมูลช่อง และกดติดตามบนหน้าจอได้ง่ายกว่าเดิมด้วย
 |
วิดีโอจาก @LoFiGirl |
ได้ฤกษ์ “เปิดปาก” ประกาศเรื่องน่าสนใจต่อไปนี้แล้ว
- เรามีฟีเจอร์มากมายที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ในแอป YouTube โดยตรง ตั้งแต่ความสามารถในการกดค้างตรงไหนก็ได้ในวิดีโอเพลเยอร์เพื่อดูแบบเร่งสปีดคูณ 2 การล็อกหน้าจอเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกขัดจังหวะ ไปจนถึงตัวตั้งเวลาปิดสำหรับคนที่ชอบดู YouTube ตอนกำลังจะนอน
- ไม่ค่อยมีเวลาแต่อยากโพสต์คอนเทนต์ใช่ไหม ครีเอเตอร์สามารถเพิ่มวิดีโอที่เกี่ยวข้องลงใน YouTube Shorts ของตัวเองได้ โดยเพิ่มได้ทั้งวิดีโอแบบยาว ไลฟ์สด และ Shorts อีกคลิป
- ผู้ปกครองที่ใช้ YouTube Kids อุ่นใจได้มากขึ้นด้วยโหมด “อนุมัติเนื้อหาด้วยตนเอง” ที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถปรับแต่งประสบการณ์การรับชมของบุตรหลานได้ด้วยการเลือกคอนเทนต์ที่อยากให้พวกเขาดูได้เอง
- สำหรับคนที่ชอบดูคอนเทนต์บนเดสก์ท็อป เราก็มีแป้นพิมพ์ลัดให้ใช้ เช่น ใช้ลูกศรซ้าย/ขวาเพื่อกรอไปข้างหน้า/ย้อนกลับ 5 วินาที หรือแตะ Spacebar เพื่อเล่นหรือหยุดวิดีโอชั่วคราว เป็นเคล็ดลับที่เจ๋งสุดๆ สำหรับคนที่ดูคอนเทนต์ตอนทำงาน (ไม่ตัดสินเลยนะ พูดจริง)
- มีเพลงติดอยู่ในหัวแต่นึกชื่อเพลงไม่ออกใช่ไหม ลองค้นหาเพลงด้วยการฮัมหรือร้องเพลงเพื่อตามหาเพลงลึกลับนี้แล้วเพิ่มเพลงลงในเพลย์ลิสต์ไว้ฟังในอนาคตเลย ฟีเจอร์ค้นหาเพลงพร้อมให้บริการทั้งในแอป YouTube และ YouTube Music บนอุปกรณ์ Android
ถ้าอยากรู้ความลับอื่นๆ ที่เราแอบเก็บไว้สำหรับวันเกิดปีนี้ ก็อย่าลืม “กดชอบและติดตาม” กันนะ
- ไม่มีวิธีฉลองวันเกิดแบบไหนที่ดีไปกว่า Yoodle ของเราแน่ๆ ลองดูเลยและอย่าลืมคลิกเพื่อดูเซอร์ไพรส์ด้วยนะ ;) และเมื่อพูดถึงโลโก้ เราจะมีโลโก้ YouTube ใหม่แบบจำกัดเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีด้วย แต่คุณรู้ไหมว่าดีไซน์โลโก้ YouTube ดั้งเดิมของเราสื่อถึงที่มาของเราในย่านอ่าวซานฟรานซิสโก ตอนที่ Chad Hurley หนึ่งในผู้ก่อตั้ง YouTube กำลังเดินทางไปที่ออฟฟิศ YouTube ในปี 2005 อยู่ๆ เขาก็คิดไอเดียสำหรับโลโก้ออก โดยการเอาโลโก้รถไฟ CalTrain ซึ่งเป็นสายรถไฟที่ให้บริการในย่านซิลิคอนแวลลีย์มาผสมผสานกับดีไซน์ของแบรนด์ TV Guide
- รอดูตัวควบคุมเวลาและภาพแอนิเมชันธีมวันเกิดสุดพิเศษในวิดีโอหลายๆ คลิปที่เราเลือกไว้เมื่อคุณกดชอบได้เลย และถ้ากำลังดูวิดีโอบนเดสก์ท็อป ก็ลองพิมพ์ “bday” ตรงไหนก็ได้ในหน้าดูวิดีโอเพื่อย้อนดูความสนุกในอดีตแบบสั้นๆ เลย
- สมาชิก YouTube TV สามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่ผ่อนคลายสไตล์เซน (Zen) ไปพร้อมๆ กับปาร์ตี้ที่สนุกสนานด้วยช่องเซนในธีมวันเกิดความยาว 48 ชั่วโมง
- ผู้ใช้ฟีเจอร์เล่นเกมของเราจะได้พบกับหน้าจอต้อนรับในธีมเฉลิมฉลองที่ช่วยทำให้ผู้ใช้ตื่นเต้นก่อนที่จะเล่นเกม Angry Birds หรือ 8 Ball Pool
- ซื้อเค้กหรือหมวกปาร์ตี้ให้ครีเอเตอร์คนโปรดของคุณด้วยของขวัญวันเกิดเหล่านี้เลย โดยคุณจะซื้อได้ในสัปดาห์นี้เท่านั้น ของขวัญพวกนี้จะช่วยให้ไลฟ์สดครึกครื้นขึ้นมากเลยละ
Viraj Mahesh
ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ YouTube
* ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2025
** ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2025
*** ในปี 2025
ตอนนี้คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้ช่วย AI ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นและพาร์ทเนอร์ด้านความคิดสร้างสรรค์ได้ใน Gemini
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ใช้ Gemini Advanced สามารถสร้างวิดีโอได้โดยใช้ Veo 2 ซึ่งเป็นโมเดลการสร้างวิดีโออันล้ำสมัยของเรา Veo 2 ใน Gemini ทำให้การสร้างวิดีโอเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่บรรยายฉากที่คุณต้องการสร้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสั้น การนำเสนอแนวคิด หรือฉากเฉพาะ จากนั้น Gemini จะทำให้ไอเดียของคุณกลายเป็นจริง ยิ่งคำอธิบายของคุณมีรายละเอียดมากเท่าไหร่ วิดีโอที่สร้างขึ้นมาก็จะยิ่งตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากขึ้นเท่านั้น
 |
พรอมต์: A wide, slow-panning shot of an enormous glacial cavern, bathed in eerie twilight. Pale cyan light filters from above, illuminating frozen candy figures within the ice walls. Two figures in white exosuits, their helmet lights casting beams, trudge through the center. Capture the cavern's scale and stillness. |
นอกจากนี้ Google Labs ยังเปิดให้ใช้งาน Veo 2 ผ่าน Whisk ซึ่งเป็น AI เวอร์ชันทดลองของ Google Labs ที่ช่วยให้คุณสำรวจและแสดงภาพแนวคิดใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ทั้งข้อความและรูปภาพในพรอมต์ วันนี้ คุณสามารถสร้างสรรค์ผลงานแอนิเมชั่นด้วย Whisk Animate ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนรูปภาพของคุณให้กลายเป็นวิดีโอที่มีชีวิตชีวาความยาว 8 วินาทีด้วย Veo 2 โดยเปิดให้ใช้งานสำหรับสมาชิก Google One AI Premium ทั่วโลกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ความสามารถในการสร้างวิดีโอถือเป็นก้าวใหม่ล่าสุดในการทำให้ Gemini เป็นพาร์ทเนอร์ด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดของคุณ โดยเป็นการต่อยอดจากความสามารถในการสร้างภาพที่มีอยู่แล้ว นอกเหนือจากบทบาทของพาร์ทเนอร์ด้านความคิดสร้างสรรค์แล้ว Gemini ยังกลายเป็นผู้ช่วย AI ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นอีกด้วย

เนื่องในโอกาสวันครอบครัวที่จะถึงนี้ เราขอแนะนำฟีเจอร์และเครื่องมือเสริมสร้างประสบการณ์ออนไลน์ที่ปลอดภัยเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวรวมถึงบุตรหลานสำรวจโลกออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “Safer Songkran” ที่ Google ทำต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ความรู้และส่งเสริมความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้แก่คนไทย
เครื่องมือเพื่อความปลอดภัยออนไลน์สำหรับครอบครัว
Google ให้ความสำคัญกับมาตรการความปลอดภัยและการปกป้องเด็กๆ จากภัยออนไลน์ ตั้งแต่การป้องกันการละเมิด การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ไปจนถึงการควบคุมเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวสามารถใช้เทคโนโลยีและท่องโลกออนไลน์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
เพื่อประสบการณ์บนโลกออนไลน์ที่ดี Google และ YouTube มีเครื่องมือและผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองสามารถเลือกประสบการณ์ที่เหมาะสมกับบุตรหลานของตนได้ ได้แก่:
- Family Link: แอปพลิเคชันที่ช่วยผู้ปกครองจัดการบัญชี Google ของบุตรหลาน โดยสามารถติดตามกิจกรรมออนไลน์ กำหนดเวลาการใช้งาน และควบคุมการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้
- YouTube Kids: แอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัยและค้นพบเนื้อหาที่เหมาะสมในหัวข้อต่างๆ ได้ง่ายขึ้น พร้อมเครื่องมือตั้งค่าการควบคุมโดยผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานให้เหมาะสมกับบุตรหลานได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถใช้งานได้ทั้งบน Android และ iOS
- SafeSearch: ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัย (SafeSearch) ช่วยกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกจากผลการค้นหาใน Google ทั้งรูปภาพ วิดีโอ และเว็บไซต์ต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีมาตรการป้องกันเพิ่มเติมสำหรับเยาวชนบน YouTube เพื่อให้พวกเขาสามารถสำรวจหัวข้อที่ชื่นชอบได้อย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขาเป็นสำคัญ เช่น การจำกัดการแนะนำวิดีโอที่อาจส่งผลกระทบต่อเด็ก เช่น เนื้อหาเปรียบเทียบลักษณะทางกายภาพ ตลอดจนพฤติกรรมที่อาจส่งเสริมความก้าวร้าวทางสังคม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การช่วยเตือนให้พักสายตาและเข้านอนเพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของวัยรุ่นอีกด้วย ซึ่งระบบจะเปิดใช้การช่วยเตือนเหล่านี้ไว้โดยค่าเริ่มต้นสำหรับบัญชีของผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
เครื่องมือช่วยตรวจสอบข้อมูลออนไลน์
ข้อมูลบนโลกออนไลน์มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไว การให้ความรู้และเครื่องมือแก่สมาชิกในครอบครัวเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่พบเจอทางออนไลน์ได้อย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดย Google และ YouTube มีเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลดังนี้
- ฟีเจอร์ตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง ในแอป Gemini: ฟีเจอร์นี้จะใช้ Google Search เพื่อค้นหาเนื้อหาที่มีแนวโน้มว่าคล้ายหรือแตกต่างจากข้อความที่แอป Gemini สร้างขึ้น
- ป้ายกำกับความปลอดภัยใน YouTube: YouTube กำหนดให้ครีเอเตอร์ต้องติดป้ายกำกับเพื่อเปิดเผยต่อผู้ชมเมื่อเนื้อหาที่ดูสมจริงถูกสร้างขึ้นโดย AI
- ฟีเจอร์ “เกี่ยวกับรูปภาพนี้”: ฟีเจอร์ “เกี่ยวกับรูปภาพนี้” (About this image) ใน Google Search จะแสดงข้อมูลที่สำคัญ เช่น รูปภาพที่คล้ายกันปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อใดและที่ไหน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจบริบทของรูปภาพนั้นได้ดียิ่งขึ้น

แหล่งข้อมูลเพื่อการเรียนรู้และเสริมสร้างทักษะดิจิทัลด้านความปลอดภัยทางออนไลน์
ในยุคที่เด็กและวัยรุ่นสามารถค้นพบความสนใจใหม่ๆ และจุดประกายความหลงใหลของตนเองผ่านโลกออนไลน์ Google สนับสนุนให้พวกเขาใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยผ่านผลิตภัณฑ์และเนื้อหาที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ พร้อมทั้งแหล่งข้อมูลที่ช่วยเสริมสร้างทักษะการเป็นพลเมืองดิจิทัลและการรู้เท่าทันสื่อ ด้วยสิ่งเหล่านี้:
- Be Internet Awesome: หลักสูตรที่ช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้พื้นฐานสำคัญของการเป็นพลเมืองดิจิทัลและการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย เพื่อให้พวกเขาท่องโลกออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ รวมถึงแหล่งข้อมูลสำหรับครูและครอบครัวที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
- Interland: เกมออนไลน์ที่ผสมผสานการผจญภัยเข้ากับการเรียนรู้ ช่วยให้เด็กๆ เข้าใจแนวคิดเรื่องความปลอดภัยในโลกดิจิทัล
- ศูนย์ความปลอดภัยของ Google: ศูนย์รวมข้อมูลที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของความปลอดภัยออนไลน์ เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถดูแลและปกป้องพฤติกรรมออนไลน์ของบุตรหลานได้อย่างมั่นใจ
Google และ YouTube จะยังคงพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ทุกครอบครัวสามารถใช้ประโยชน์จากโลกดิจิทัลได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย เพื่อให้เด็กๆ และวัยรุ่นสามารถเติบโตและเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมในยุคดิจิทัล

- สกมช. และ Google Cloud จะร่วมมือกันแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการระบุภัยคุกคาม และเสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสร้างความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้กับประชาชน และผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
- ฟีเจอร์ป้องกันกลโกงใหม่ใน Google Play Protect ซึ่งเปิดตัวร่วมกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในช่วงกิจกรรม Safer Songkran เมื่อปี 2024 ช่วยบล็อกความพยายามในการติดตั้งแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยงสูงไปแล้วกว่า 6.6 ล้านครั้ง
- ปีนี้ Google Play Protect ได้เพิ่มและปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยบนมือถือ เพื่อปกป้องคนไทยจากการโจมตีแบบวิศวกรรมสังคม ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการหลอกลวงคนโดยอาชญากรไซเบอร์
 |
ณ ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือ สกมช. (NCSA) และ Google Cloud ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการป้องกันภัยไซเบอร์ให้กับภูมิทัศน์ดิจิทัลของประเทศไทย นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และ นายอรรณพ ศิริติกุล Country Director, Google Cloud ประเทศไทย
บุคคลในภาพ (จากซ้ายไปขวา) - Ms. Su Ann Lim, Head of Government Affairs and Public Policy, Southeast Asia Cluster, Google Cloud - Mr. Eric Hoh, Director, Asia Pacific, Google Cloud Security - นายอรรณพ ศิริติกุล Country Director, Google Cloud ประเทศไทย - นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) - พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) - พลตรี ธีรวุฒิ วิทยากรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) - นางสาวสายชล แซ่ลี้ ผู้อำนวยการสำนักประสานงาน รักษาการผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) |
2 เมษายน 2025 กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย – สืบเนื่องจากกิจกรรม Safer Songkran ภายใต้โครงการ Safer with Google ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติของประเทศไทย หรือ สกมช. (NCSA) และ Google Cloud ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการป้องกันภัยไซเบอร์ให้กับภูมิทัศน์ดิจิทัลของประเทศไทย โดยผสานเทคโนโลยี AI และระบบป้องกันภัยไซเบอร์อัจฉริยะที่ใช้ข้อมูลข่าวกรองในการปฏิบัติการ ให้หน่วยงานภาครัฐและประชาชนเติบโตไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
ความร่วมมือระหว่าง สกมช. และ Google Cloud ในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลไทยและ Google ในการยกระดับความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้กับผู้ใช้มือถือในประเทศไทย นอกจากนี้ Google ยังเผยอีกว่า ฟีเจอร์ป้องกันกลโกงใหม่ใน Google Play Protect ซึ่งนำร่องการใช้งานในปี 2024 ภายใต้ความร่วมมือกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้บล็อกความพยายามในการติดตั้งแอปที่มีความเสี่ยงสูงไปแล้วกว่า 6.6 ล้านครั้ง และทาง Google ยังได้เปิดตัวมาตรการรักษาความปลอดภัยบนมือถือเพิ่มเติม เพื่อปกป้องคนไทยจากกลยุทธ์การหลอกลวงผ่านวิศวกรรมสังคม (social engineering) ที่มิจฉาชีพไซเบอร์ใช้
การประกาศความร่วมมือในวันนี้เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และ สกมช. ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของ Google Cloud ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งความร่วมมือนี้ยังเป็นสิ่งที่ต่อยอดมาจากการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องระหว่างรัฐบาลไทยและ Google เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านดิจิทัลและเร่งขับเคลื่อนนวัตกรรมด้าน AI ของประเทศไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า “การเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และการป้องกันการหลอกลวงทางออนไลน์นับเป็นวาระเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคที่องค์กรและประชาชนหันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น เราขอชื่นชม Google ที่มีบทบาทเชิงรุกและให้ความร่วมมือกับเราอย่างต่อเนื่องในการรักษาความปลอดภัยของประชาชนบนโลกออนไลน์ผ่านโครงการส่งเสริมความรู้ด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ รวมถึงการนำฟีเจอร์ป้องกันกลโกงใหม่ใน Google Play Protect บนอุปกรณ์ Android มาใช้ เรามีความยินดีที่จะขยายความร่วมมือกับ Google ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดย สกมช. จะทำงานร่วมกับ Google Cloud และใช้ความเชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่มีอยู่ เพื่อมุ่งพัฒนาโซลูชันแห่งอนาคตในระดับประเทศ และเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กล่าวว่า “เรายึดมั่นในแนวคิดที่ว่าการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพนั้นต้องผสมผสานระหว่างบุคลากรที่มีทักษะ และเทคโนโลยีที่ถูกต้องเหมาะสม ด้วยเหตุนี้ เราจึงมุ่งเน้นที่จะจัดทำโครงการฝึกอบรมและมอบเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยให้หน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจสามารถยกระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของตนเองได้ ความร่วมมือกับ Google Cloud ในครั้งนี้จะช่วยขยายขีดความสามารถของเราไปอีกขั้น เทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Google Cloud Cybershield จะมาเสริมประสิทธิภาพให้กับโซลูชันที่เรามีอยู่แล้ว ในขณะที่ Mandiant จะมาทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของทีมผู้เชี่ยวชาญของเรา ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยรักษาความปลอดภัยบนโลกดิจิทัลให้กับประชาชนชาวไทยทุกคน”
ยุทธศาสตร์ป้องกันภัยไซเบอร์แห่งชาติแบบบูรณาการ
สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) มีแผนที่จะนำ Google Cloud Cybershield ซึ่งเป็นการผสานรวมระบบอัตโนมัติ ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ และ AI เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อนำมาใช้ตรวจสอบเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ในหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ สิ่งนี้จะช่วยให้ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (ThaiCERT) ซึ่งเป็นศูนย์ป้องกันภัยไซเบอร์แห่งชาติของ สกมช. สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามไซเบอร์ที่อาจจะเกิดขึ้นกับหน่วยงานรัฐบาลและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ความร่วมมือในครั้งนี้ยังรวมไปถึง:
- ระบบรวบรวมข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคามทางไซเบอร์: Google Cloud และ สกมช. จะร่วมแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการป้องกันภัยไซเบอร์ทั่วทั้งภาครัฐ ซึ่งรวมถึงการที่ สกมช. จะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูล Google Threat Intelligence ที่ประกอบด้วยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์เชิงลึกจาก Mandiant และฐานข้อมูลภัยคุกคามของ VirusTotal ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้รัฐบาลเข้าใจกลยุทธ์ เทคนิค และกระบวนการล่าสุด ที่อาชญากรไซเบอร์และผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐที่มุ่งเป้าโจมตีหน่วยงานภาครัฐ ได้ดียิ่งขึ้น
- ความเชี่ยวชาญด้านการตอบสนองเหตุการณ์ภัยคุกคามไซเบอร์: ที่ปรึกษาจาก Mandiant จะจัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเฉพาะทางในด้านต่าง ๆ เช่น การตอบสนองต่อเหตุการณ์ นิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล และการวิเคราะห์มัลแวร์ ให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจากหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับการคัดเลือกจาก สกมช. โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะได้รับการพัฒนาทักษะให้สามารถตรวจจับ คัดแยก และตอบสนองต่อภัยคุกคามที่ซับซ้อนและสถานการณ์การโจมตีที่หลากหลายได้อย่างรวดเร็ว เป็นการช่วยเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันไซเบอร์ในภาครัฐของประเทศไทย พร้อมทั้งเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ในอนาคตไปในเวลาเดียวกัน
ปกป้องประชาชนและผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจากเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย
นอกเหนือจากการป้องกันภัยไซเบอร์ระดับชาติ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้กับผู้ใช้งานทั่วไปอีกด้วย โดย สกมช. และ Google Cloud วางแผนที่จะผสานรวม Google Cloud Web Risk เข้ากับกระบวนการทำงานของภาครัฐ เพื่อปกป้องประชาชนและผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยให้ปลอดภัยจากการหลอกลวงบนโลกออนไลน์ และเว็บไซต์ที่หลอกลวงผู้ใช้ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
Web Risk APIs จะส่งมอบข้อมูลภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์เกี่ยวกับเว็บไซต์ที่มีมัลแวร์หรือแหล่งข้อมูลอันตรายอื่น ๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยเสริมศักยภาพของ สกมช. ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้ทีมงานสามารถประเมินเว็บไซต์ที่มีจำนวนมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว รวมไปถึงช่วยบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อันตรายได้ล่วงหน้า เตือนผู้ใช้เกี่ยวกับเว็บไซต์และลิงก์ที่ไม่ปลอดภัย และป้องกันการแพร่กระจายของเนื้อหาที่เป็นอันตราย
อรรณพ ศิริติกุล Country Director, Google Cloud ประเทศไทย กล่าวว่า “เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024 เป็นอย่างน้อย 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030 โดย Google Cloud เชื่อว่าเราสามารถเป็นกำลังสำคัญในการเสริมสร้างแนวป้องกันทางไซเบอร์ร่วมกันเพื่อปกป้องการเติบโตนี้ในอนาคต เราพร้อมที่จะทำงานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เพื่อส่งมอบโซลูชันด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ยุคใหม่ที่จะสามารถขยายขีดความสามารถได้ ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญและข้อมูลเชิงลึกด้านภัยคุกคามจากแนวหน้าของ Mandiant เข้ากับเทคโนโลยี AI ขั้นสูงของ Google Cloud ในด้านความปลอดภัย เราจะเดินหน้าสนับสนุนรัฐบาลทั่วโลกให้สามารถยกระดับการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และพร้อมรับมือกับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องพลเมืองและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศให้ปลอดภัย”
มาตรการรักษาความปลอดภัยบนมือถือที่ดียิ่งขึ้นเพื่อป้องกันกลโกงมิจฉาชีพทางโทรศัพท์
ในช่วงที่มีการจัดกิจกรรม Safer Songkran เมื่อปี 2024 Google และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ประกาศนำร่องการใช้งานฟีเจอร์ป้องกันกลโกงใหม่ใน Google Play Protect ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกของโลกที่ใช้ฟีเจอร์ดังกล่าว โดยฟีเจอร์นี้ได้ช่วยบล็อกความพยายามในการติดตั้งแอปที่อาจมีความเสี่ยงจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จักบนอินเทอร์เน็ต (sideloading) ไปแล้วกว่า 6.6 ล้านครั้ง บนอุปกรณ์ Android ในประเทศไทยมากกว่า 1.4 ล้านเครื่อง
เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้แก่คนไทย Google ได้ดำเนินการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยบนมือถือควบคู่ไปกับแคมเปญ Safer Songkran ในปีนี้ โดยฟีเจอร์ที่ปิดการสแกนแอปของ Google Play Protect จะถูกปิดใช้งานโดยอัตโนมัติระหว่างการโทรศัพท์ปกติ รวมไปถึงการโทรด้วยเสียงและวิดีโอผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยม มาตรการใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับมิจฉาชีพไซเบอร์ที่ใช้กลวิธีวิศวกรรมสังคมในการหลอกลวงผู้ใช้ในระหว่างการโทรศัพท์ที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น โดยมิจฉาชีพจะหลอกให้ผู้ใช้ปิด Google Play Protect และดาวน์โหลดแอปที่เป็นอันตรายจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จักบนอินเทอร์เน็ต (sideloading)
Safer Songkran เป็นแคมเปญภายใต้โครงการ Safer with Google ที่ Google ดำเนินมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ แชร์เคล็ดลับและเครื่องมือเพื่อความปลอดภัยออนไลน์เพื่อให้คนไทยสามารถปกป้องตัวเองจากกลลวงบนโลกออนไลน์ และการโจมตีแบบฟิชชิง (phishing) ที่หลอกให้เผยข้อมูลส่วนตัว
###
เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) หรือ National Cyber Security Agency (NCSA) เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 โดยมีภารกิจหลักในการเป็นหน่วยงานกลางของประเทศในการดูแล กำกับ และบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการกำหนดนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์, เฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขภัยคุกคามทางไซเบอร์, ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรและองค์ความรู้ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์, ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และระหว่างประเทศ, และดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นเพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างยั่งยืน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และเพจ Facebook ของ สกมช.
เกี่ยวกับ Google Cloud
Google Cloud เป็นแนวทางใหม่ในการเข้าถึงเทคโนโลยีคลาวด์ โดยนำเสนอชุดเครื่องมือที่ครอบคลุม ทั้งด้านปัญญาประดิษฐ์ โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาซอฟต์แวร์ การจัดการข้อมูล ความปลอดภัย และการทำงานร่วมกัน ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการขององค์กรทั้งในปัจจุบันและอนาคต Google Cloud นำเสนอสถาปัตยกรรมปัญญาประดิษฐ์ที่ทรงประสิทธิภาพ ผสานรวมอย่างสมบูรณ์ และได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม โดยประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ชิปประมวลผลที่ออกแบบเฉพาะ โมเดลปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ แพลตฟอร์มการพัฒนา และแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กรต่าง ๆ โดยมีลูกค้าในกว่า 200 ประเทศและดินแดนทั่วโลกให้ความไว้วางใจใน Google Cloud ในฐานะพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้
NCSA and Google Cloud to Bolster Security for Thailand’s Cyberspace Through Collaboration on AI-Powered Cyber Defense
- NCSA and Google Cloud will engage in threat intelligence sharing and incident response capability building to address evolving cyber threats and boost online safety for Thai citizens and residents
- Launched with MDES during Safer Songkran in 2024, Google Play Protect’s anti-scam feature has successfully blocked more than 6.6 million high-risk app installation attempts to date
- This year, new and enhanced mobile security measures have been added to Google Play Protect to further safeguard Thais from social engineering attacks
 |
This week at Thailand's Government House, NCSA and Google Cloud inked a strategic collaboration to bolster the cyber resilience of Thailand's digital landscape. This delegation was led by Prasert Jantararuangtong, Thailand’s Deputy Prime Minister and Minister of Digital Economy and Society and Annop Siritikul, Country Director, Thailand, Google Cloud.
In the photo, from left: - Ms. Su Ann Lim, Head of Government Affairs and Public Policy, Southeast Asia Cluster, Google Cloud - Mr. Eric Hoh, Director, Asia Pacific, Google Cloud Security - Mr. Annop Siritikul, Country Director, Thailand, Google Cloud - Mr. Prasert Jantararuangtong, Thailand’s Deputy Prime Minister and Minister of Digital Economy and Society - Air Vice Marshal Amorn Chomchoey, Secretary General, National Cyber Security Agency (Thailand) - Major General Teerawut Wittayakorn, Deputy Secretary General, National Cyber Security Agency (Thailand) - Ms. Saichon Saelee, Director of Cyber Coordination Office and Acting Director of Operations Office, National Cyber Security Agency (Thailand)
|
Bangkok, Thailand, April 2, 2025 – In conjunction with Safer Songkran, a Safer with Google initiative, Thailand’s National Cyber Security Agency (NCSA) and Google Cloud today announced a strategic collaboration to bolster the cyber resilience of Thailand's digital landscape. This collaboration will leverage AI and intelligence-driven cyber defense, enabling public sector entities and citizens to continue realizing the benefits of digital transformation while protecting them against cybercrime and malicious cyber attacks.
The NCSA and Google Cloud collaboration complements ongoing efforts by the Royal Thai Government and Google to enhance online safety for mobile users in Thailand. Google also announced today that its anti-scam feature within Google Play Protect, launched in partnership with the Ministry of Digital Economy and Society (MDES) in 2024, has blocked more than 6.6 million high-risk app installation attempts to date. In addition, Google has unveiled enhanced mobile security measures to further protect Thais against social engineering tactics employed by cybercriminals.
Today’s announcements follow the meeting in January 2025 between Prime Minister Paetongtarn Shinawatra, executives from MDES and NCSA, and Google Cloud’s Asia Pacific leadership to explore deeper cybersecurity collaboration. It also builds on the government and Google’s ongoing collaboration to strengthen Thailand’s digital competitiveness and accelerate AI innovation.
Prasert Jantararuangtong, Thailand’s Deputy Prime Minister and Minister of Digital Economy and Society, said: “Strengthening cybersecurity and combating online scams are paramount and urgent priorities for the government, especially as organizations and individuals increasingly embrace digital innovation. We commend Google for its proactive and continuous efforts in collaborating with us to safeguard citizens online through its cyber literacy programs and implementation of enhanced anti-scam features in Google Play Protect on Android devices. We’re delighted to be deepening our partnership with Google. This collaboration will involve NCSA joining forces with Google Cloud, leveraging its industry-leading security operations expertise to develop cutting-edge, national-level solutions that enhance our country’s cyber resilience.”
Amorn Chomchoey, Secretary General, National Cyber Security Agency (Thailand), said: “In line with our belief that robust cyber defense requires a combination of skilled talent and the right technology, we’ve been providing training programs and toolkits to help state entities and enterprises improve their cybersecurity posture. Building on these initiatives, our partnership with Google Cloud will be a significant force multiplier. Best-in-class capabilities like Google Cloud Cybershield will augment our existing solutions while Mandiant will serve as an extension of our expert teams. Collectively, this will reinforce our capacity to stay ahead of future cyber threats and maintain a safe digital space for all Thais.”
A coordinated national cyber defense strategy
NCSA plans to deploy Google Cloud Cybershield, which combines automation, analytics, threat intelligence, and AI, for centralized monitoring of security events across public sector entities. This will enable the Thailand Computer Emergency Response Team (ThaiCERT), NCSA’s national cyber defense center, to undertake a more coordinated and streamlined response to potential cyber threats targeting government agencies and critical national infrastructure.
The collaboration will also cover:
- Threat intelligence: Google Cloud and NCSA will engage in threat intelligence sharing to support government-wide cyber defense operations. This includes NCSA being provided with access to Google Threat Intelligence, which includes Mandiant’s frontline threat intelligence and VirusTotal’s threat database. This will enrich the government’s understanding of new and prevalent tactics, techniques, and procedures used by cybercriminals and state-sponsored actors targeting public sector entities.
- Incident response expertise: Mandiant consultants will provide specialized hands-on training in areas like incident response, digital forensics, and malware analysis to qualified information security professionals from public sector entities selected by NCSA. These professionals will be equipped with skills to rapidly detect, triage, and respond to sophisticated threats and intrusion scenarios, expanding the pool of cyber defense experts within Thailand’s public sector while reinforcing its readiness to combat future cyber challenges.
Protecting Thai citizens and residents from unsafe websites
Beyond national cyber defense, the collaboration will further enhance online safety for individual users. NCSA and Google Cloud plan to integrate Google Cloud Web Risk into government workflows to protect Thai citizens and residents from online scam and phishing websites.
Web Risk APIs will provide the government with real-time threat intelligence on sites that host malware or other types of unsafe web resources. This information will be used to augment NCSA’s existing capabilities, enabling its teams to evaluate a higher volume of websites, proactively block user access to dangerous URLs, warn users about unsafe links, and prevent the spread of harmful content.
Annop Siritikul, Country Director, Thailand, Google Cloud, said: “Thailand’s digital economy is set to grow from US$46 billion in 2024 to at least US$100 billion by 2030. At Google Cloud, we believe we can contribute meaningfully toward the collective cyber defense that’s required to safeguard this future growth. We look forward to partnering deeply with MDES and NCSA to deliver scalable, next-generation cybersecurity solutions. By bringing together Mandiant’s frontline threat intelligence and expertise with Google Cloud’s AI advancements for security, we’ll continue to help governments around the world supercharge security operations and respond holistically to keep their citizens and critical assets safe.”
Enhanced mobile security measures to combat call-based scams
During Safer Songkran in 2024, MDES and Google established Thailand as one of the first countries globally to implement a new anti-scam feature in Google Play Protect. This feature has since blocked more than 6.6 million installation attempts of potentially malicious apps from internet-sideloading sources on more than 1.4 million Android devices in Thailand.
Further reinforcing its commitment to online safety, Google has implemented additional mobile security measures in conjunction with this year’s Safer Songkran. By default, the toggle switch for turning off Play Protect’s app scanning feature will now be disabled during standard phone calls, as well as voice and video calls within popular third-party apps. These new measures directly combat the rise of cybercriminals using social engineering tactics during calls with users to deceive them into turning off Play Protect to download malicious apps from internet-sideloading sources.
Safer Songkran is a Safer with Google initiative that equips Thais with essential knowledge and tools to protect themselves against online scams and phishing.
###
About National Cyber Security Agency (Thailand)
The National Cyber Security Agency (NCSA) of Thailand is the principal organization dedicated to enhancing the nation’s cybersecurity readiness and resilience. Established under the Cybersecurity Act of 2019, NCSA works to safeguard Thailand’s critical information infrastructure (CII) and ensure national security in the face of evolving cyber threats. NCSA formulates cybersecurity policies, coordinates incident response, and fosters collaboration between public and private sectors. By partnering with global cybersecurity organizations, international computer emergency response teams (CERTs), and law enforcement agencies, NCSA strives to protect the country's digital infrastructure, promote public safety, and maintain Thailand’s leadership in cybersecurity on the global stage. Learn more on NCSA’s website and Facebook page.
About Google Cloud
Google Cloud is the new way to the cloud, providing AI, infrastructure, developer, data, security, and collaboration tools built for today and tomorrow. Google Cloud offers a powerful, fully integrated and optimized AI stack with its own planet-scale infrastructure, custom-built chips, generative AI models and development platform, as well as AI-powered applications, to help organizations transform. Customers in more than 200 countries and territories turn to Google Cloud as their trusted technology partner.

วันนี้เราจะเริ่มขยายการนำร่องการให้บริการ YouTube Premium Lite ไปยังผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา YouTube Premium Lite เป็นวิธีใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ชมเพลิดเพลินกับวิดีโอส่วนใหญ่บน YouTube ได้แบบไม่มีโฆษณาในราคาย่อมเยากว่า และเราจะเปิดให้ผู้ใช้ทุกคนในประเทศไทยใช้ YouTube Premium Lite ได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าในราคาเพียง 89 บาทต่อเดือน
เราขยายการนำร่องนี้เมื่อ YouTube Music และ Premium มีสมาชิกรวมถึงผู้ทดลองใช้มากกว่า 125 ล้านคนทั่วโลก ตั้งแต่เปิดตัว YouTube Music และ Premium เราได้มุ่งเน้นไปที่การช่วยให้สมาชิกเพลิดเพลินกับคอนเทนต์โปรดได้หลากหลายวิธี และ YouTube Premium Lite คือความก้าวหน้าล่าสุดในการพัฒนานี้ นอกจากนี้ YouTube Music และ Premium รวมถึงการขยายการให้บริการ YouTube Premium Lite ยังสร้างโอกาสเพิ่มเติมในการสร้างรายได้ให้แก่ครีเอเตอร์และพาร์ทเนอร์ต่อไปอีกด้วย
เราได้ทดสอบ YouTube Premium Lite เพื่อให้มีจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างฟีเจอร์และสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ชมที่ต้องการดูวิดีโอส่วนใหญ่แบบไม่มีโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์เกม เรื่องตลกขบขัน การทำอาหาร หรือคอนเทนต์เพื่อการเรียนรู้ สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการฟังเพลงแบบไม่มีโฆษณา รวมถึงฟังเพลงแบบออฟไลน์และขณะล็อกหน้าจอบน YouTube และ YouTube Music เราขอแนะนำให้สมัครแพ็กเกจ YouTube Premium
YouTube มีสิ่งที่ทุกคนมองหา ตั้งแต่ละครแบบมีสคริปต์ พอดแคสต์ ตลอดจนไลฟ์สดการเล่นเกม ทุกคอนเทนต์จากครีเอเตอร์คนโปรดของคุณ ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับคอนเทนต์โปรดได้ราบรื่นยิ่งขึ้นด้วย YouTube Premium เราจะยังคงขยายการนำร่องการให้บริการ YouTube Premium Lite ไปยังประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในปีนี้และนำเสนอตัวเลือกการสมัครใช้บริการที่คุ้มค่าที่สุดแก่ผู้ใช้
Jack Greenberg
ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ YouTube Premium